คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายว่าความในคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา มีข้อสัญญากันว่าถ้าศาลพิพากษาหรือสั่งยกฟ้องในคดีดำที่ถูกฟ้องนั้น จำเลยจะให้ค่าจ้างโจทก์เป็นเงิน 1,000 บาท โจทก์จึงทำคำร้องคัดค้านว่า โจทก์ในคดีอาญานั้นไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลจึงสั่งไม่ประทับรับฟ้องเพราะปรากฏว่า โจทก์ในคดีนั้นไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนั้นจึงเป็นอันยุติ ดังนี้ ถือได้ว่า ตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ดังกล่าว ผูกมัดจำเลยให้ต้องจ่ายเงินแก่โจทก์ตามสัญญานั้นแล้ว แม้จำเลยจะถูกทายาทของผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องในกรณีนั้นอีก คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างว่าความจากจำเลยเป็นเงิน 1,000 บาทตามสัญญาจ้างว่าความ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องจากจำเลย เพราะโจทก์ยังปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามสัญญา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาเรื่องนี้อยู่ที่การแปลสัญญาว่า ได้ตกลงกันอย่างไร ข้อความในสัญญามีว่า “ข้าพเจ้านายชู ทองนุ่มนายสุวรรณ จันอยู่ (จำเลย) ทำสัญญาจ้างนายก้าน ศิริธร (โจทก์) เป็นทนายว่าต่างแก้ต่างข้าพเจ้าในคดีอาญาเลขดำที่ 164/2492 ซึ่งข้าพเจ้าถูกฟ้อง มีข้อสัญญาดังนี้ คือ ถ้าศาลพิพากษาหรือสั่งยกฟ้อง ข้าพเจ้าให้ค่าจ้างเป็นเงิน 1,000 บาทถ้าแพ้ข้าพเจ้าไม่ต้องเสียค่าจ้าง ข้าพเจ้าได้อ่านสัญญานี้ เข้าใจดีแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ” เมื่ออ่านข้อความตามสัญญาดังกล่าวนี้ พึงเข้าใจว่าจำเลยได้จ้างโจทก์เป็นทนายว่าต่างแก้ต่างในคดีอาญาเลขดำที่ 164/2492 โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้าศาลพิพากษาหรือสั่งยกฟ้องในคดีดำที่กล่าวแล้ว จำเลยจะให้ค่าจ้างโจทก์เป็นเงิน 1,000 บาท เมื่อปรากฏว่าในคดีดำที่ 164/2492 นั้น ศาลสั่งไม่ประทับฟ้อง เพราะโจทก์ในคดีนี้มิใช่สามีผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนั้นจึงเป็นอันยุติเพียงนั้น ข้อความในสัญญาดังกล่าวแล้ว ย่อมผูกมัดจำเลยให้จำต้องจ่ายเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญา

จึงพิพากษากลับ ให้จำเลยจ่ายเงินที่ยังค้างชำระแก่โจทก์

Share