แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับพวกเข้าไปในเขตรั้วบ้านของจำเลยในเวลาวิกาลในลักษณะที่จะลักทรัพย์ เมื่อภรรยาจำเลยฉายไฟไปเห็นผู้ตายก็ยกปืนจ้องไปทางภรรยาจำเลยเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง จำเลยย่อมมีสิทธิกระทำเพื่อป้องกันได้ และการที่จำเลยหยิบขวานด้ามไม้ยาวประมาณ 1 แขน ใบขวานเป็นเหล็กมีคม กว้าง 3 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว มาจากข้างฝาในขณะนั้นเองโดยมิได้เตรียมมาก่อน เหวี่ยงฟันผู้ตายไป 4 ทีติด ๆ กัน ในเวลาฉุกละหุกที่จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะต้องฟันหรือเหวี่ยงไปกี่ทีจึงจะพอยับยั้งผู้ตายมิให้ใช้อาวุธปืนยิงได้ จึงเป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2512 เวลากลางคืน จำเลยใช้ขวานตีและฟันนายแป๊ะ วงศ์เจริญ หลายทีถูกที่คอและศีรษะโดยเจตนาฆ่า และนายแป๊ะได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้าย เหตุเกิดที่ตำบลกระตีบ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และริบขวานของกลาง
จำเลยให้การว่า กระทำเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 68 และ 69 จำคุก 5 ปี ริบขวานของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์ ขวานของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกาว่าเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ
ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าในคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 24.00 นาฬิกา ผู้ตายกับพวกได้เข้าไปในเขตรั้วบ้านของจำเลย จำเลยและนางสมพรภรรยารู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะเสียงสุนัขเห่า ได้ไปแอบซุ่มดูที่คอกกระบือ นางสมพรใช้ไฟฉายส่องไปทางผู้ตายกับพวกซึ่งกำลังจะแก้กระบือ ผู้ตายซึ่งถือปืนสั้นลุกขึ้นยืนจ้องปืนมาทางนางสมพร จำเลยซึ่งซุ่มดูอยู่ห่างผู้ตายประมาณ 1 วา ได้ใช้ขวานด้ามไม้ ยาวประมาณ 1 แขน ใบขวานเป็นเหล็กมีคม กว้าง 3 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ซึ่งจำเลยหยิบมาจากข้างฝาในขณะนั้น เหวี่ยงไปที่ผู้ตาย 4 ทีติด ๆ กัน ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายต่อมา ส่วนคนร้ายอีกคนหนึ่งหลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานมาชันสูตรพลิกศพผู้ตายแล้ว ปรากฏว่ามีบาดแผลถูกฟัน 3 แผลคือ ที่บริเวณกลางศีรษะแถบขวา ศีรษะด้านซ้าย และเหนือหูด้านซ้ายกับคอหัก รายละเอียดตามรายงานชันสูตรพลิกศพของแพทย์
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ผู้ตายกับพวกเข้าไปในเขตรั้วบ้านจำเลยในเวลาวิกาล ในลักษณะที่จะลักทรัพย์ เมื่อภรรยายจำเลยฉายไฟไปเห็นผู้ตายก็ยกปืนจ้องไปทางภรรยาจำเลย พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้ขวานเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย 4 ที นับว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกัน แม้จำเลยจะใช้ขวานขนาดใหญ่แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยหยิบมาจากข้างฝาในขณะนั้นเองมิได้เตรียมมาก่อนที่จำเลยเหวี่ยงขวานไป 4 ทีติด ๆ กันในเวลาฉุกละหุกเช่นนั้น จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะต้องใช้ขวานฟันหรือเหวี่ยงไปกี่ที จึงจะพอยับยั้งผู้ตายมิให้ใช้อาวุธปืนอันเป็นอาวุธร้ายแรงได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์
พิพากษายืนยกฎีกาโจทก์