คำสั่งคำร้องที่ 1425/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา และปรากฏว่าขณะนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และโจทก์กำลังดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้ร้อง โปรดมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 101) เฉพาะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงคัดค้าน(อันดับ 102)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลล้มละลาย และโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์หลายรายการโดยอ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ถอนการยึด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น 2 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 12 มีนาคม 2529 ขอขยายเวลายื่นคำคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต ฉบับที่สองลงวันที่ 14 มีนาคม 2529 ขอให้ศาลมีคำสั่งกลับหรือแก้ไขคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อให้มีผลเป็นการถอนการยึดทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องไม่เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์และไม่ยื่นภายใน 14 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งทั้งสองคำสั่งดังกล่าวโดยอุทธรณ์ฉบับเดียวกันและเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอีก 200 บาทจากผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ชำระ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ถือว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลรับฎีกาที่ยื่นเกินกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาและให้ยกคำร้องดังกล่าว(อันดับ 94,93)
ผู้ร้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 96,95)

คำสั่ง
กรณีไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับ แต่เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 เมื่อศาลยังมิได้มีคำสั่งให้รับฎีกา จึงไม่มีเหตุจะพิจารณาสั่ง ในชั้นนี้ให้ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share