แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งประเมินให้โจทก์เสียภาษีร้านค้าสำหรับสถานีบ่มใบยาของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ถูกสั่งยกอุทธรณ์และจำเลยยึดทรัพย์ของโจทก์เพื่อเสียภาษีจำเลยต่อสู้ว่าสถานีบ่มใบยาไม่เป็นร้านค้าต้องเสียภาษีดังนี้ ประเด็นมีว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์เป็นร้านค้าหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ร้านค้า ก็อยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องยึดทรัพย์ผิดพลาดอาจเป็นละเมิดโจทก์จึงฟ้องคดีได้ไม่เกี่ยวกับการอุทธรณ์คำสั่ง
สถานีบ่มใบยา ไม่เป็นร้านค้าอันจะต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2494 มาตรา 78 แต่เป็นร้านค้าตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้แจ้งประเมินให้โจทก์เสียภาษีร้านค้าสำหรับสถานีบ่มใบยาของโจทก์ ๆ อุทธรณ์คำสั่งแล้ว จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งยกอุทธรณ์และจำเลยที่ 1 ได้ยึดทรัพย์โจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่ร้านค้า ไม่ต้องเสียภาษี และขอให้ถอนการยึด
จำเลยให้การว่า สถานีบ่มใบยาเป็นโรงค้าประเภทร้านค้า
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพยาน และพิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ คดีมาสู่ศาลฎีกา ๆ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และให้พิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า โรงบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่ร้านค้า ไม่ต้องเสียภาษี พิพากษาให้ถอนการยึด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งแย้งว่า ควรยกฟ้องโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้ครั้งหนึ่งแล้วว่า ถ้าสถานีบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่โรงค้าประเภทร้านค้าแล้ว ก็อยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของจำเลย ยึดทรัพย์ผิดพลาดอาจเป็นละเมิดไม่เกี่ยวกับการอุทธรณ์คำสั่ง และเห็นว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์ไม่เป็นร้านค้าอันจะต้องเสียภาษีตามมาตรา 78 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2494 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยภาษีโรงค้า พ.ศ. 2482 มาตรา 3 ส่วน พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 กำหนดความหมายของการขายของตามความหมายเดิมรวมถึงการขายผลิตภัณฑ์ซึ่งเกินความหมายถึงกิจการสถานีบ่มใบยาของโจทก์ด้วย แต่เหตุเกิดขึ้นก่อน พระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่มีผลย้อนหลัง
พิพากษายืน