แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงตามหลังรถจักรยานยนต์ ผู้ตายโดยไม่เว้นระยะให้ห่างพอที่จะหยุดหรือหลบหลีกได้ทันเมื่อมีเหตุจำเป็นและขณะแซงก็มิได้ให้สัญญาณจนเป็นเหตุให้รถจำเลยพุ่งเข้าชนรถผู้ตายขณะเลี้ยวขวาข้ามถนนตัดหน้ารถจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท จำเลยจึงมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40, 43, 44, 148, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสุนีย์ ไกรวาสน์ ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายบุญทรง ไกรวาสน์ ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 40 วรรคแรก, 43(4), 157 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยมีอายุกว่าสิบสี่ปีแต่ยังไม่เกินสิบเจ็ดปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 วางโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท พิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิดแล้วเห็นว่า จำเลยอายุยังน้อยและความเสียหายที่เกิดขึ้นมิได้เกิดจากความประมาทของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเลี้ยวตัดหน้ารถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับในระยะกระชั้นชิดขณะจำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถของผู้ตายนั้น เห็นว่า การที่จำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงตามหลังรถผู้ตายโดยไม่เว้นระยะให้ห่างพอที่จะหยุดหรือหลบหลีกได้ทันเมื่อมีเหตุจำเป็น และขณะแซงก็มิได้ให้สัญญาณ จนเป็นเหตุให้รถจำเลยพุ่งเข้าชนรถผู้ตายขณะเลี้ยวขวาข้ามถนนตัดหน้ารถจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในฐานะจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จำเลยจึงมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายดังฟ้อง
ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า จำเลยมีอายุเพียง 17 ปี และมีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทั้งไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน มีเหตุอันควรปราณีเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษไว้ แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำ จึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยอีก 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์