แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อาวุธปืนเป็นของ ย.บิดา ข. ซึ่ง ข.เป็นผู้เอามา และข.เป็นผู้ใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตาย แสดงว่า ข. เป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนนั้นตลอดมา แม้ขณะที่เดินจากบ้านจำเลยไปที่ศาลาพักร้อนจำเลยเป็นผู้ถืออาวุธปืนนั้น แต่ก็เป็นการยึดถือไว้ชั่วคราวจำเลยกับ ข.เดินไปด้วยกัน ความครอบครองในอาวุธปืนนั้นยังคงอยู่ที่ ข. หาเปลี่ยนมาอยู่ที่จำเลยไม่ จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง และถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายชอบได้ร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองยาว ๑ กระบอกมีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นของผู้อื่น และกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนนั้น ๑ นัดไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนนั้นติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตกับร่วมกันใช้อาวุธปืนนั้นยิงพลทหารสนามโดยมีเจตนาฆ่า และพลทหารสนามได้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓, ๙๑ ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ กับสั่งคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิด้รับอนุญารตและฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต คืนปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อาวุธปืนลูกซองยาวของกลางเป็นของนายยุ้ยบิดาของนายชอบ นายชอบเป็นผู้เอาอาวุธปืนดังกล่าวลงมาจากบ้านนายยุ้ย ทั้งนายชอบเป็นผู้ใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตาย แสดงว่านายชอบเป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนของกลางตลอดมาแม้ขณะที่เดินจากบ้านจำเลยไปที่ศาลาพักร้อนวัดโคกพระจำเลยเป็นผู้ถืออาวุธปืนนั้นก็เป็นการยึดถือไว้ชั่วคราว จำเลยกับพวกชอบเดินไปด้วยกัน ความครอบครองในอาวุธปืนของกลางยังคงอยู่ที่นายชอบ หาเปลี่ยนมาอยู่ที่จำเลยไม่ จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้มีอาวุธปืนของกลางไว้ในความครอบครอง และถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้พกพาอาวุธปืนนั้นติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะ
พิพากษายืน