คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องเรียกเบี้ยปรับในกรณีกระทำหรืองดเว้นกระทำการอันหนึ่งอันใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคสองนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องถือกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
การวินิจฉัยว่าเบี้ยปรับสมควรเพียงใดนั้น จะต้องพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงส่วนได้เสียในทางเกียรติชื่อเสียงและความผิดหวังในทางจิตใจด้วย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๒ โจทก์ได้ประกาศสอบราคาจ้างเหมาก่อสร้างถนน รางระบายน้ำและประตูรั้วชุมสายโทรศัพท์ซอยชัยพฤกษ์กำหนดให้ยื่นซองสอบราคาในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๒๒ โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ที่ได้รับใบสั่งจ้างเหมาทำการจากโจทก์ต้องมาทำสัญญาตามแบบของโจทก์ให้เรียบร้อยภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบสั่งจ้าง ถ้าหากไม่มาทำ โจทก์จะพิจารณาสั่งจ้างรายอื่นต่อไป โดยผู้เสนอราคาต้องรับผิดในราคาที่เพิ่มขึ้น ครั้นถึงวันกำหนดยื่นซองสอบราคาปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ชนะ โดยจำเลยที่ ๒ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ยื่นซองเสนอราคาต่ำสุดเป็นเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท โจทก์จึงออกใบสั่งจ้างไปยังจำเลย และเรียกให้จำเลยมาทำสัญญาตามเงื่อนไขดังกล่าว จำเลยเพิกเฉยไม่มาติดต่อทำสัญญากับโจทก์ โจทก์จึงจำเป็นต้องสั่งว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดมณฑลสินซึ่งเสนอราคาถัดไปเป็นเงิน ๓๔๒,๐๐๐ บาท อันเป็นราคาสูงกว่าที่จำเลยเสนอเป็นเงิน ๑๐๒,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยต้องรับผิดตามเงื่อนไขแห่งข้อหาสัญญาการสอบราคาพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอปฏิเสธที่ว่าจำเลยเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด หากจำเลยจะเคยเสนอก็เป็นเหตุการณ์นานเมื่อ ๒ ปีเศษมาแล้วคดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องราคาในส่วนที่แตกต่าง ค่าเสียหายสูงเกินความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นอายุความว่า การฟ้องเรียกเบี้ยปรับในกรณีกระทำหรืองดเว้นกระทำการอันหนึ่งอันใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๘๓ วรรคสองนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องถือกำหนดอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ หาใช่ ๒ ปีไม่ซึ่งปัญหาเรื่องอายุความนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้และศาลชั้นต้นได้กำหนดเป็นประเด็นในการชี้สองสถานไว้แล้ว โดยโจทก์ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้นจึงชอบที่จะวินิจฉัยให้จำเลย โดยศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ และเห็นว่าการที่จำเลยเสนอราคารับเหมาก่อสร้างรายนี้ต่อโจทก์ไว้เป็นเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาทเมื่อโจทก์สนองรับแล้ว จำเลยไม่ยอมมาทำสัญญา เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดมณฑลสินซึ่งเสนอราคาถัดไปเป็นเงิน ๓๔๒,๐๐๐ บาท ซึ่งตามเงื่อนไขแห่งข้อสัญญาการสอบราคา จำเลยจะต้องถูกปรับเท่าราคาที่โจทก์ต้องจ้างสูงขึ้นเป็นเงิน ๑๐๒,๐๐๐ บาทก็จริง แต่วิศวกรของโจทก์ได้ประเมินราคางานรับเหมาก่อสร้างรายพิพาทนี้ไว้เป็นเงินถึง ๓๖๐,๐๐๐ บาท การที่โจทก์ต้องจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดมณฑลสินในราคา ๓๔๒,๐๐๐ บาท จึงไม่ทำให้โจทก์เสียหายในเชิงทรัพย์สินประการใด อย่างไรก็ตามในการวินิจฉัยเบี้ยปรับว่าสมควรเพียงใดนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ วรรคแรก บัญญัติว่า ท่านให้พิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่แต่ทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเท่านั้นต้อง คำนึงถึงส่วนได้เสียของโจทก์ในทางเกียรติชื่อเสียงและความผิดหวังในทางจิตใจประกอบด้วย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ไม่เสียหายในเชิงทรัพย์สินแล้วการที่จะปรับจำเลยเป็นเงินถึง ๑๐๒,๐๐๐ บาท เต็มตามเงื่อนไขแห่งข้อสัญญาย่อมเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน สมควรลดลงเหลือเพียง ๔๐,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

Share