คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4146/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระเบียบข้อบังคับเรื่องการอนุมัติค่าใช้จ่ายของจำเลยกำหนดว่าในการเบิกค่าใช้จ่ายระหว่างที่ทำงานให้บริษัท ห้ามพนักงานอนุมัติค่าใช้จ่ายที่ตนเสนอเองเป็นอันขาด และบรรดาค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นต้องให้ผู้ควบคุมดูแลงานที่ใกล้ชิดที่สุดของพนักงานนั้นพิจารณาตรวจสอบเสียก่อน และต้องได้รับอนุมัติจากบุคคลซึ่งได้รับมอบอำนาจให้อนุมัติรายงานค่าใช้จ่ายได้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิอำนาจทางการเงิน หมายความว่า การอนุมัติค่าใช้จ่ายห้ามมิให้อนุมัติข้ามสายงาน ทั้งจำเลยไม่เคยอนุมัติให้โจทก์ทั้งสองนำทรัพย์สินส่วนตัวมาใช้ในกิจการของจำเลยโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และไม่เคยมอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยได้ ดังนั้น การที่โจทก์ที่ 1 อนุมัติให้โจทก์ที่ 2 นำรถยนต์และวิทยุติดตามตัวซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของโจทก์ที่ 2 ใช้ในกิจการของจำเลยและให้เบิกจ่ายค่าน้ำมันและค่าบริการสำหรับวิทยุติดตามตัวก่อให้เกิดความผูกพันต่อบุคคลภายนอกโดยไม่มีอำนาจ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเมื่อโจทก์ที่ 2 อยู่ในสายงานบังคับบัญชาของผู้อื่น ที่โจทก์ที่ 1 อนุมัติให้โจทก์ที่ 2เบิกจ่ายค่าน้ำมันและค่าบริการวิทยุติดตามตัวจึงเป็นการอนุมัตินอกสายงานเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่จำเลยได้วางไว้ แม้โจทก์ที่ 2มาช่วยทำงานในสายงานของโจทก์ที่ 1 ก็เป็นอำนาจบังคับบัญชาในการปฏิบัติงานเท่านั้น ส่วนอำนาจการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โจทก์ที่ 2 ยังต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน การที่โจทก์ที่ 1 มีตำแหน่งหน้าที่ระดับผู้บริหารเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน ควรที่จะต้องเคร่งครัดระมัดระวังต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน แต่โจทก์ที่ 1 กลับฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเสียเองถือได้ว่าเป็นการจงใจทำให้จำเลยเสียหาย ทั้งฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยมีเหตุอันสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์ที่ 1 ได้ จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์ที่ 1

Share