แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
หนังสือทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้และคำให้การพยานในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นซึ่งคู่ความสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงแห่งเอกสารนั้น คู่ความฝ่ายที่อ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานจึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารให้คู่ความอีกฝ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด ผู้คัดค้านได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทั้งสี่ชำระหนี้และไถ่จำนองจำนวน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระอยู่แก่ลูกหนี้ ผู้ร้องทั้งสี่ปฏิเสธหนี้ ผู้คัดค้านสอบสวนแล้วเห็นว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นหนี้ลูกหนี้ตามจำนวนที่ทวงถาม จึงได้แจ้งยืนยันหนี้ให้ผู้ร้องทั้งสี่ชำระเงินจำนวน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาล ขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องทั้งสี่ในฐานะผู้ค้ำประกันอย่างลูกหนี้ร่วมจึงต้องร่วมรับผิดชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่ ให้ผู้ร้องทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ร้องทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ส่วนที่ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกาว่าผู้คัดค้านมิได้ส่งสำเนาหนังสือบอกกล่าวของลูกหนี้ให้นายดุสิตชำระหนี้ เอกสารหมาย ค.6 และคำให้การของนายดุสิตต่อผู้คัดค้าน เอกสารหมาย ป.ค.1 (ของศาลจังหวัดเชียงใหม่) แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยาน 3 วัน จึงไม่ชอบที่จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานนั้นเห็นว่า เอกสารทั้งสองฉบับเป็นเอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1) ยกตัวอย่างไว้โดยเฉพาะผู้ร้องทั้งสี่เป็นลูกหนี้ร่วมกับนายดุสิตสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารผู้คัดค้านจึงอ้างเอกสารทั้งสองฉบับเป็นพยานได้โดยไม่ต้องส่งสำเนาให้ผู้ร้องทั้งสี่ทราบล่วงหน้าก่อนวันสืบพยาน 3 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน