คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เพียงแต่จำเลยร่วมกับน. ฆ่าผู้ตายโดยน. ให้จำเลยเดินข้างหน้าแล้วน. เดินแซงจำเลยขึ้นไปยิงผู้ตายยังไม่พอฟังว่าน. และจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันใช้ปืนยิงนายเรืองฤทธิ์ คงมั่ง ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4), 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 83
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 หรือไม่ ได้พิเคราะห์คำเบิกความของนายสมภพและนายพิษณุแล้วปรากฎว่า นายสมภพเบิกความว่านายน้อยกับจำเลยได้ชกต่อยกับผู้ตายก่อนเกิดเหตุคดีนี้ประมาณ 1 เดือน พยานทราบเรื่องนี้จากเพื่อน ๆ แต่ไม่ทราบว่านายน้อยกับผู้ตายชกต่อยกันด้วยสาเหตุอะไร เพื่อน ๆ ที่บอกเรื่องนี้จะเป็นใครก็จำไม่ได้หลังเกิดเหตุคดีนี้พยานได้ถามนายศิริพงษ์ และนายพิษณุถึงสาเหตุที่ผู้ตายถูกยิง ทั้งสองคนบอกว่าไม่ทราบ ส่วนนายพิษณุนั้นเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ผู้ตายเคยเล่าให้พยานฟังว่า ผู้ตายโดนรุมทำร้าย พวกที่รุมทำร้ายคือพวกนายน้อย แต่ผู้ตายมิได้ระบุว่าจำเลยหรือนายน้อยร่วมทำร้ายด้วย ศาลฎีกาเห็นว่านายสมภพและนายพิษณุเบิกความไม่แน่นอนมั่นคงจะฟังได้ว่า นายน้อยและจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน ส่วนคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนนั้นนอกจากจำเลยจะเบิกความว่าไม่ได้ให้การไว้เช่นนั้น จำเลยลงชื่อในบันทึกคำให้การเพราะกลัวถูกทำร้ายแล้ว คำให้การของจำเลยก็ไม่อาจฟังเป็นการแน่นอนว่าจำเลยกับนายน้อยวางแผนจะฆ่าผู้ตายหรือเจตนาจะฆ้าผู้ตายมาก่อนแล้ว จึงไปเอาปืนมายิงผู้ตาย เพราะตามเอกสารดังกล่าวนั้นบันทึกไว้ว่าจำเลยตั้งใจจะเตะต่อยผู้ตายเท่านั้นที่ไปเอาปืนมาก็เพราะเข้าใจว่าผู้ตายกับพวกเอาปืนไปด้วย ไม่มีเจตนาจะไปยิงผู้ตาย แต่นายน้อยใจร้อนได้ชักปืนออกมายิงผู้ตายทันทีแม้บันทึกตอนหนึ่งจะมีใจความว่า เมื่อไปเอาปืนกันนั้น นายน้อยพูดว่า”มึงใจไม่ถึงกูยิงเอง” ก็จะฟังเป็นการแน่นอนว่า ขณะที่พูดนั้นนายน้อยมีเจตนาจะฆ่าผู้ตายหาได้ไม่เพราะขณะนั้นนายน้อยอาจตั้งใจจะยิงโดยไม่มีเจตนาฆ่าก็ได้ คงเหลือแต่พฤติการณ์ที่นายน้อยให้จำเลยเดินข้างหน้าแล้วนายน้อยเดินแซงขึ้นไปยิงผู้ตายเท่านั้นซึ่งก็ยังฟังเป็นแน่นอนดังโจทก์ฎีกาไม่ได้ว่าเป็นเรื่องนายน้อยและจำเลยวางแผนมาฆ่าผู้ตาย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่พอฟังว่านายน้อยและจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษายืน.

Share