คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาล ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินนั้นได้ มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิ์ได้ทราบถึงการวางเงิน เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิ์มิได้เรียกร้องเอาภายใน 5 ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๒๐ โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลออกบังคับไปยังจำเลย ศาลได้ออกบังคับให้เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๐ ให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน ๑ เดือนนับแต่วันได้รับคำบังคับ ต่อมาวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๐ จำเลยนำเงินทุนทรัพย์ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าทนายมาวางศาล วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๖ โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินจำนวนดังกล่าว ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยได้นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๐ ถือได้ว่าเป็นเงินที่ค้างจ่ายอยูในศาล โจทก์มิได้เรียกเอาภายใน ๕ ปี จึงตกเป็นของแผ่นดินตามประมลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๒๓ จึงไม่อนุญาต
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินค่างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๒๓ และผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน ๕ ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาล ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องเอาเงินนั้นได้มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิได้ทราบถึงการวางเงิน เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิ์มิได้เรียกร้องเอาภายใน ๕ ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน
พิพากษายืน

Share