แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นกรณีที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลย รับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญารับสภาพหนี้จำนวนเงิน662,935 บาท อันมีมูลหนี้เดิมมาจากการที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการฝึกอาชีพและเครื่องใช้สำนักงาน จัดซื้อและจัดสร้างอาคารและสนามเด็กเล่นจากร้านค้าต่าง ๆ โดยไม่มีอำนาจและขัดต่อระเบียบของทางราชการ เป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521เป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้องและโจทก์ได้ชำระค่าสินค้าแก่ร้านค้าเหล่านั้นเป็นเงิน 662,935 บาท ทำให้โจทก์เสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าสินค้าที่จำเลยจัดซื้อจัดสร้างขึ้นนั้นมีมูลค่าก่อนฟ้องคิดเป็นเงิน715,452.80 บาท มากกว่าค่าเสียหายของโจทก์เป็นเงินจำนวนถึง 52,517.80 บาท โจทก์ย่อมไม่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลย ทำสัญญารับสภาพหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์ จึงเป็นการรับสภาพหนี้ โดยปราศจากมูลหนี้ ไม่มีผลบังคับแก่กันจำเลยจึงไม่ต้อง รับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 909,359 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 662,935 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ระหว่างเดือนมีนาคม 2523 ถึงเดือนกันยายน 2526ขณะที่จำเลยดำรงตำแหน่งพัสดีเรือนจำอำเภอมุกดาหารผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอมุกดาหารและเป็นผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดมุกดาหารในบังคับบัญชาของโจทก์นั้น ทางราชการไม่มีงบประมาณเพื่อพัฒนาเรือนจำในการก่อสร้างอาคารพัฒนาเรือนจำทั้งไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการฝึกอาชีพและเครื่องใช้สำนักงาน ตลอดจนไม่มีงบประมาณในการจัดสร้างสนามเด็กเล่นในเรือนจำแต่จำเลยได้จัดซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการฝึกอาชีพและเครื่องใช้สำนักงานจัดซื้อและจัดสร้างอาคารและสนามเด็กเล่นโดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521 ร้านค้าที่ขายวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆให้แก่จำเลยได้ฟ้องโจทก์และจำเลยให้ร่วมกันชำระหนี้ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น โจทก์ได้ชำระหนี้ไปเป็นเงิน 662,935 บาทซึ่งจำเลยทำสัญญารับสภาพหนี้ไว้ต่อโจทก์ตามเอกสารหมาย ป.จ.10บรรดาทรัพย์สินที่จำเลยได้จัดซื้อโดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว โจทก์ได้ใช้ประโยชน์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และได้ขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของโจทก์แล้ว คิดราคาประเมินขณะที่จำเลยเป็นผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดมุกดาหารเป็นเงิน 715,452.80บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยต้องรับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นกรณีที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญารับสภาพหนี้จำนวนเงิน 662,935 บาท อันมีมูลหนี้เดิมมาจากการที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการฝึกอาชีพและเครื่องใช้สำนักงานจัดซื้อและจัดสร้างอาคารและสนามเด็กเล่นจากร้านค้าต่าง ๆโดยไม่มีอำนาจและขัดต่อระเบียบของทางราชการ เป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521เป็นเหตุให้โจทก์ถูกฟ้องและโจทก์ได้ชำระค่าสินค้าแก่ร้านค้าเหล่านั้นเป็นเงิน 662,935 บาท ทำให้โจทก์เสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าสินค้าที่จำเลยจัดซื้อจัดสร้างขึ้นนั้นมีมูลค่าก่อนฟ้องคิดเป็นเงิน 715,452.80 บาท มากกว่าค่าเสียหายของโจทก์เป็นเงินจำนวนถึง 52,517.80 บาทโจทก์ย่อมไม่ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญารับสภาพหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์จึงเป็นการรับสภาพหนี้โดยปราศจากมูลหนี้ ไม่มีผลบังคับแก่กัน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ตามฟ้อง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ