คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4134/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม และจำเลยที่ 3 ในฐานะภรรยาของจำเลยที่ 2 ได้ทำหนังสือให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวไว้ต่อโจทก์ การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 2 ได้ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่ 2 ในการทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ได้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมรับรู้หนี้ที่จำเลยที่ 2 ก่อขึ้นในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าวแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(4)หนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 กระทำไปจึงเป็นหนี้ร่วม จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 อย่างลูกหนี้ร่วมในฐานะผู้ค้ำประกันต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 825,959.41 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 594,610.95 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 17889พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อในหนังสือให้ความยินยอมให้จำเลยที่ 2 ไปทำนิติกรรมกับโจทก์ในฐานะคู่สมรสเท่านั้นจำเลยที่ 3 จึงไม่มีความผูกพันให้ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 825,959.41บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปีของต้นเงิน 594,610.95 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 17889 พร้อมสิ่งปลูกสร้างนำออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมือวันที่ 9 ธันวาคม 2537จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 600,000 บาท ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี และยอมให้โจทก์เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดได้ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยตกลงผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์เป็นรายเดือนไม่น้อยกว่าเดือนละ 9,000 บาท ให้เสร็จสิ้นภายใน 120 เดือนโดยจำเลยที่ 1 จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 17889 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้เป็นประกันในวงเงิน 600,000 บาท มีข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองว่า หากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ยินยอมรับผิดในส่วนที่ขาดจนครบ มีจำเลยที่ 2ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม และจำเลยที่ 3ในฐานะภรรยาของจำเลยที่ 2 ได้ให้ความยินยอมในการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ปรากฏตามหนังสือให้ความยินยอมเอกสารหมาย จ.10หลังจากจำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินจากโจทก์ไปแล้วโจทก์ได้ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2538 ปรับจากอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปีเป็นอัตราร้อยละ 19 ต่อปี และจำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2538 จำนวน 11,800 บาท เมื่อหักทอนแล้ว ณ วันดังกล่าวคงเป็นหนี้ต้นเงิน 594,610.95 บาท หลังจากนั้นโจทก์ไม่ได้รับชำระเงินอีกเลยโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ดอกเบี้ยจากต้นเงินที่ค้างนับแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2538 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 231,348.46 บาทรวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้าง 825,959.41 บาท

คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3 เป็นลูกหนี้ร่วมต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 3ซึ่งเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 2 ได้ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่ 2 ในการทำนิติกรรมทุกอย่างกับโจทก์ได้ปรากฏตามหนังสือให้ความยินยอมเอกสารหมาย จ.10 ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมรับรู้หนี้ที่จำเลยที่ 2 ก่อขึ้นในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 3 ได้ให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(4) หนี้ตามสัญญาค้ำประกันการกู้เงินของจำเลยที่ 1ที่จำเลยที่ 2 กระทำไปจึงเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 อย่างลูกหนี้ร่วมในฐานะผู้ค้ำประกันชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวน 825,959.41 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปีของต้นเงิน 594,610.95 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share