แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ประเมินราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนเพิ่มจากราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าโดยเปรียบเทียบกับราคาที่ผู้นำเข้ารายอื่นสำแดงไว้ แต่เหล็กแผ่นที่ผู้นำเข้ารายอื่นนำเข้านั้น เป็นเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเคลือบและชุบ น้ำมัน ต่างกับเหล็กแผ่นของโจทก์ที่เป็นชนิดไม่หุ้มติดและไม่ชุบ ทั้งราคาของผู้นำเข้ารายอื่นนั้นมี ดอกเบี้ย รวมอยู่ด้วยราคาที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยประเมินจึงไม่ถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดราคาอันแท้จริงในท้องตลาดคือราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า เพราะก่อนซื้อสินค้าบริษัทผู้ขายได้เสนอราคาที่เรียกว่าโปรฟอร์มาอินวอยซ์ เมื่อโจทก์พอใจราคาก็มีการทำสัญญาซื้อขายที่เรียกว่าเซลส์โนต และเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตในราคาที่สั่งซื้อ แล้วผู้ขายได้จัดส่งสินค้าให้โจทก์ตามบัญชีราคาสินค้าที่เรียกว่าอินวอยซ์ เมื่อราคาที่โจทก์สำแดงเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มจึงไม่ชอบ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้นำแผ่นเหล็กรีดร้อนจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาในราชอาณาจักร 14 เที่ยวเรือ โดยยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าสำแดงราคาสินค้า รวม 14 ฉบับ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยไม่พอใจราคาสินค้าที่โจทก์สำแดง ให้โจทก์เพิ่มราคาและคำนวณเงินค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้น คือ อากรขาเข้าเพิ่ม 716,184 บาทภาษีการค้าเพิ่ม 151,368 บาท ภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่ม 15,139 บาททำให้โจทก์ต้องชำระค่าภาษีอากรเกินไปจากจำนวนที่พึงจะเสียจริงขอให้เพิกถอนการประเมิน และให้จำเลยคืนเงิน 882,691 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การประเมินถูกต้องแล้ว จำเลยไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินแต่เฉพาะอากรขาเข้าตามใบขนสินค้า ฉบับที่ 1 ถึง 3 และฉบับที่ 5ถึง 14 ให้จำเลยคืนอากรขาเข้าแก่โจทก์ 663,294 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “คงมีประเด็นขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่าการประเมินของจำเลยสำหรับสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้าที่เหลืออีก 13 ฉบับ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้คือ จะถือเอาราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 13 ฉบับ ซึ่งเป็นราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือถือเอาราคาที่จำเลยประเมินเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดจำเลยนำสืบว่าเจ้าพนักงานประเมินจำเลยได้ประเมินราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนเพิ่มจากราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนส่งสินค้าขาเข้าโดยใช้หลักเกณฑ์ราคาประเมินซึ่งมีการปรับปรุงเมื่อวันที่9 กรกฎาคม 2527 ตามเอกสารหมาย ล.1 โดยเปรียบเทียบกับราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่มีแหล่งกำเนิดเดียวกันและความหนาเท่ากัน เฉพาะกรณีของโจทก์ใช้ช่วงความหนา 2.10-2.60 มิลลิเมตร เป็นเกณฑ์ประเมิน แต่ตามตารางการประเมิน เอกสารหมาย ล.1 ระบุให้เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจากประเทศญี่ปุ่น ความหนา 2.10-2.60 มิลลิเมตรมีราคาประเมินเมตริกตันละ 317 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ต่ำกว่าราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนส่งสินค้าขาเข้าทั้ง 13 ฉบับ ซึ่งมีราคาเมตริกตันละ 433 ถึง 476 เหรียญสหรัฐ นางสาวสมใจ หิรัญลาภาเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยเบิกความว่า การประเมินปกติจะถือตามคำสั่งของกองพิธีการและประเมินอากร แต่ถ้ามีผู้นำเข้าสำแดงราคาสูงกว่าก็ใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นเกณฑ์ประเมิน จำเลยไม่นำสืบให้เห็นว่าเหตุใดจึงถือราคาที่สูงกว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเมื่อตรวจดูบัญชีราคาสินค้าซึ่งมีผู้อื่นนำเข้ามาซึ่งจำเลยได้นำมาเปรียบเทียบแล้ว ตามเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 219 ซึ่งมีราคาเมตริกตันละ 63,400 เยนญี่ปุ่น เป็นเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเคลือบและชุบน้ำมัน แต่เหล็กของโจทก์เป็นชนิดไม่หุ้มติดและไม่ชุบจึงไม่ใช่เหล็กชนิดมาตรฐานเดียวกันกับของโจทก์ และตามเอกสารหมาย ล.1เหล็กมาตรฐาน 3131 (JIS G 3131)ราคาเมตริกตันละ 476-606 เหรียญสหรัฐเป็นเหล็กคนละมาตรฐานกับโจทก์นำเข้าซึ่งเป็นเหล็กมาตรฐาน 3116(JIS G 3116) จำเลยไม่นำสืบให้เห็นว่าเหล็กทั้ง 2 ชนิดเป็นเหล็กมาตรฐานเดียวกัน นายสมชาย เอี่ยมอำนวย พยานจำเลยเบิกความว่าเหล็กมาตรฐาน 3116 (JIS G 3116) ของโจทก์เป็นเหล็กที่มีราคาสูงสุดซึ่งแสดงว่ามีราคาสูงกว่าเหล็กมาตรฐานอื่นที่มีผู้นำเข้า แต่ก็ไม่ได้ความว่าเหตุใดจึงประเมินราคาเหล็กของโจทก์เท่ากันกับเหล็กมาตรฐานอื่นที่มีผู้นำเข้าจึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นความจริงนอกจากนี้ตามเอกสารหมาย ล.1 ผู้นำเข้ารายอื่นได้คิดดอกเบี้ยรวมในราคาสินค้าด้วย พยานจำเลยที่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าราคาที่จำเลยประเมินเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด โจทก์นำสืบน่าเชื่อว่าโจทก์ซื้อสินค้าในราคาที่สำแดงไว้ตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 13 ฉบับโดยก่อนซื้อสินค้าบริษัทผู้ขายจะเสนอราคาที่เรียกว่าโปรฟอร์มาอินวอยซ์ เมื่อโจทก์พอใจราคาได้มีการทำสัญญาซื้อขายที่เรียกว่า เซลส์โนต และเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตในราคาสินค้าที่สั่งซื้อ ผู้ขายได้จัดส่งสินค้าให้โจทก์ปรากฏตามบัญชีราคาสินค้าที่เรียกว่าอินวอยซ์ ส่วนจำเลยไม่อาจนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นพยานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังมากกว่าพยานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าทั้ง 13 ฉบับ ดังกล่าวเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ที่จำเลยประเมินภาษีอากรขาเข้าตามใบขนสินค้าทั้ง 13 ฉบับดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ”
พิพากษายืน.