คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4121/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 จำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิต และปรับ 3,000,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 700,000 บาท เป็นการพิพากษาแก้ทั้งบทและโทษ จึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคสอง
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 3 ร่วมอยู่ด้วยกับจำเลยที่ 2 ในการรับเงินค่าเมทเอมเฟตามีนภายหลังจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันส่งมอบเมทแอมฟาตามีนบางส่วนให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งปลอมตัวไปล่อซื้อถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยทั้งสามแล้ว จำเลยที่ 3 จึงกระทำความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย หาใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2 ในการกระทำความผิดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบเมทแอมเฟตามีน รถจักรยานยนต์หมายเลขตัวถังรถ NF 110 MT 0009981 จำนวน 1 คัน หมายเลขเครื่องยนต์ NF 110 MT 0009481 รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บง 6859 ตาก กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกีย จำนวน 2 เครื่อง ของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ด้วย) 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนฐานเดียว จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต และปรับคนละ 3,000,000 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง โดยเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุกห้าสิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53, 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไว้มีกำหนดคนละ 25 ปี และปรับคนละ 1,500,000 บาท ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 2 เครื่อง ของกลาง หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากมีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้ 2 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ด้วย) 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 700,000 บาท ให้ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 1,000,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับคนละ 500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับคนละ 2 ปี โทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 และนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยโจทก์และจำเลยที่ 3 ไม่โต้แย้งในชั้นฎีกา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมด้วยของกลางคือ เมทแอมเฟตามีน 1,976 เม็ด น้ำหนัก 194.67 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 43.018 กรัม โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกีย รุ่น 8310 หมายเลข 0 1973 0764 จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกีย รุ่น 3310 หมายเลข 0 7197 2051 จำนวน 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน รถยนต์กระบะยี่ห้อโต้โยต้า รุ่นไฮลักซ์ หมายเลขทะเบียน บง 6859 ตาก จำนวน 1 คัน และรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม หมายเลขทะเบียน บง 7296 อ่างทอง จำนวน 1 คัน ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คดีสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 3 ว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามฟ้องหรือเป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว พยานโจทก์เป็นเจ้าพนักงานของรัฐผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 3 มาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 3 สิบตำรวจเอกสมเกียรติเบิกความยืนยันว่า ในขณะพยานกับจำเลยที่ 1 เดินทางไปที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ตามที่นัดหมายกันไว้ จำเลยที่ 2 ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งจำเลยที่ 1 ว่า ขอเปลี่ยนสถานที่รับเงินเป็นร้านวีช้อป โดยจำเลยที่ 2 บอกว่าจะรอ ณ ที่นัดหมายพร้อมกับเจ้าของเมทแอมเฟตามีน นอกจากนี้สิบตำรวจเอกสมเกียรติและสิบตำรวจเอกสมคิดต่างเบิกความยืนยันว่า เมื่อรถแล่นผ่านร้านวีช้อปครั้งแรก พยานทั้งสองเห็นจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงจากรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไปยืนอยู่ข้างรถ ซึ่งสอดคล้องกับข้อความในบันทึกการจับกุม ซึ่งระบุว่าสิบตำรวจเอกสมเกียรติเห็นจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงจากรถยืนรอเพื่อจะรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนบริเวณหน้าร้านวีช้อป จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั่งรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไปถึงบริเวณหน้าร้านวีช้อปด้วยกัน มิใช่เพิ่งไปพบกันโดยบังเอิญตามทางนำสืบของจำเลยที่ 3 ยิ่งกว่านั้นยังได้ความจากพยานโจทก์ดังกล่าวว่า เมื่อจำเลยที่ 2 เห็นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมซึ่งไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจ จำเลยที่ 2 ก็วิ่งหนีขึ้นรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 3 จอดรอติดเครื่องอยู่ และจำเลยที่ 3 ขับรถกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว อันเป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่าจำเลยที่ 3 ขับรถออกไปเพื่อหนีการจับกุม ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาอ้างว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้ติดต่อกับจำเลยที่ 2 ก็ดี หรือจำเลยที่ 3 มีอาการเมาสุราและไม่ได้รู้ถึงการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 2 ก็ดี ล้วนไม่มีน้ำหนักฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ทั้งแม้จะได้ความจากร้อยตำรวจเอกธีรภาพเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 3 ถามค้านว่า ในการสืบสวนไม่มีข้อมูลว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษคดีนี้มาก่อน และตามคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามดังกล่าวจะไม่ได้ความว่า ในการเจรจาติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนก่อนเกิดเหตุทั้งสองครั้งที่มีการยกเลิกไปและการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนครั้งเกิดเหตุนี้ สิบตำรวจเอกสมเกียรติและสิบตำรวจเอกสมคิดได้เคยติดต่อกับจำเลยที่ 3 ด้วย แต่ตามพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 3 ร่วมอยู่ด้วยกับจำเลยที่ 2 ในการรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันส่งมอบเมทแอมเฟตามีนบางส่วนให้แก่สิบตำรวจเอกสมเกียรติและสิบตำรวจเอกสมคิดแล้ว ถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยทั้งสามแล้ว จำเลยที่ 3 จึงกระทำความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามฟ้อง หาใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2 ในการกระทำความผิดดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง สำหรับรถจักรยานยนต์และรถยนต์กระบะของกลางนั้น เมื่อศาลล่างทั้งสองสั่งไม่ริบ ก็ชอบที่จะสั่งคืนแก่เจ้าของเสียด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับจำเลยที่ 3 มีความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนฐานเดียว จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 1,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปีได้แต่ไม่เกิน 2 ปี ให้คืนรถจักรยานยนต์และรถยนต์กระบะของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share