คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดาจนได้รับอันตรายแก่กาย ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยขาดความกตัญญู แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงสาหัสก็ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(1) แล้ว โจทก์จึงเรียกถอนคืนการให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยซึ่งเป็นบุตร ต่อมาจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โดยทำร้อยร่างกายโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ศาลเพิกถอนการให้
จำเลยให้การว่า โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยจริง จำเลยไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์สะดุดโต๊ะรับแขกล้มลงเองได้รับบาดแผลเพียงเล็กน้อย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการให้ที่ดินในการถือกรรมสิทธิ์รวมโฉนดที่ ๔๘๙๔ เฉพาะส่วน ๑๒ ไร่ ให้จำเลยโอนที่ดินเฉพาะส่วนที่โจทก์ยกให้ดังกล่าวคืน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นบุตรโจทก์ โจทก์ยกที่ดินส่วนหนึ่งของโฉนดที่ ๔๘๙๔ เนื้อที่ ๑๒ ไร่ ให้จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาโจทก์ไปบ้านจำเลย แล้วเกิดทะเลาะกับจำเลย จำเลยจับผมโจทก์แล้วกระแทกหน้าโจทก์กับพื้นเป็นแผลแตกที่ใต้คางและจำเลยยังบีบคอโจทก์อีกด้วย มีคนเข้าไปห้ามไว้ และมีคนพาโจทก์ไปส่งโรงพยาบาล โจทก์รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ๘ วัน แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ปัญหาต่อไปว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดา ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยขาดความกตัญญูและประทุษร้ายต่อบุพการีผู้มีพระคุณของตน แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงสาหัสก็ดี ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร่ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๑(๑) แล้ว โจทก์จึงเรียกถอนการคืนการให้ได้
พิพากษายืน.

Share