คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4012/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะยังบวชอยู่ ผู้เสียหายเคยถ่ายรูปเป็นฆราวาส และได้มอบรูปถ่ายดังกล่าวให้จำเลย ต่อมาจำเลยมอบรูปถ่ายของผู้เสียหายให้ จ. ไปขู่เอาเงินจากผู้เสียหาย หากไม่ให้เงินจะนำรูปถ่ายดังกล่าวไปโฆษณา อันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงของผู้เสียหาย และผู้เสียหายยินยอมมอบเงินให้ จ. แม้ จ.จะยังไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไป ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองว่าผู้เสียหายและจำเลยรู้จักกันเพราะจำเลยเคยบวชเป็นเจ้าคณะตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อจำเลยลาสิกขาแล้วผู้เสียหายได้รักษาการเจ้าคณะตำบลดังกล่าวแทนจำเลยต่อมาจำเลยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมวัฒนธรรมและสังคมของหนังสือพิมพ์เสียงชนบท จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนนายดวงจันทร์ได้ทำงานอยู่กับจำเลย ผู้เสียหายเคยถ่ายรูปเป็นฆราวาสในขณะที่ยังบวชอยู่ ผู้เสียหายได้มอบรูปถ่ายดังกล่าวให้จำเลย ต่อมาจำเลยได้มอบรูปถ่ายของผู้เสียหายให้นายดวงจันทร์ไปขู่เอาเงินจากผู้เสียหาย หากไม่ให้เงินจะนำรูปถ่ายดังกล่าวไปโฆษณา จนผู้เสียหายยินยอมมอบเงินให้นายดวงจันทร์
ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ผู้เสียหายมอบเงินให้นายดวงจันทร์โดยนำธนบัตรฉบับละ 500 บาท 2 ฉบับ มาปิดหัวปิดท้ายกระดาษธรรมดาและยังให้เจ้าพนักงานตำรวจซ่อนตัวในกุฎิเพื่อจับกุมจำเลยทั้งขณะที่ผู้เสียหายมอบเงินให้นายดวงจันทร์ แต่นายดวงจันทร์ขอให้ไปมอบที่อื่น การกระทำของนายดวงจันทร์จึงยังไม่เป็นความผิดสำเร็จ ศาลจะลงโทษจำเลยฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ไม่ได้นั้นเห็นว่า การที่ผู้เสียหายยินยอมมอบเงินให้นายดวงจันทร์เพราะเหตุว่านายดวงจันทร์จะนำรูปถ่ายของผู้เสียหายซึ่งแต่งตัวเป็นฆราวาสไปโฆษณาอันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงของผู้เสียหาย และผู้เสียหายยินยอมมอบเงินให้นายดวงจันทร์ไปแม้นายดวงจันทร์จะยังไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว
พิพากษายืน

Share