คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์แยกฟ้องจำเลยกับ จ. มาเป็นสองสำนวน ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาและพิพากษาว่าจำเลยกับ ว.มีความผิดตามฟ้อง จำเลยเพียงผู้เดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลย โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยและ จ. เป็นคนร้าย ดังนี้ เนื่องจากเหตุที่จำเลย กับ จ.ถูกฟ้องเป็นเหตุเดียวกัน แม้จะถูกฟ้องเป็นคนละคดี แต่ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเป็นคดีเดียวกันและเหตุที่ยกฟ้องเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับ จ. ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1722/2522 ของศาลชั้นต้น แต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายใจ วรรณบวร จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1722/2532 ของศาลชั้นต้นร่วมกันชิงทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 10 ปีให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังได้ว่า จำเลยกับนายใจเป็นคนร้างชิงเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่เนื่องจากเหตุที่จำเลยกับนายใจถูกฟ้องเป็นเหตุเดียวกัน แม้จะถูกฟ้องเป็นคนละคดี แต่ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเป็นคดีเดียวกัน และเหตุที่ยกฟ้องเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับนายใจซึง มิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับนายใจ วรรณบวร จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1722/2532 ของศาลชั้นต้นด้วย.

Share