คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุสุดวิสัยหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นหรือให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ แม้ทั้งผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลนั้นในฐานะเช่นนั้น การที่ทนายจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเพราะทนายจำเลยจงใจกระทำผิดกฎหมายโดยขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจึงถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย คดีฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากห้องแถวพิพาทซึ่งจำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมและเจ้าของเดิมขายให้โจทก์แล้ว เป็นการฟ้องโดยอาศัยความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องแถวพิพาท มิได้ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาเช่า มิใช่กรณีที่จะต้องใช้สัญญาเช่าเป็นพยานหลักฐานในคดี การที่สัญญาเช่าจะปิดอากรแสตมป์โดยไม่ชอบทำให้รับฟังไม่ได้หรือไม่จึงไม่ใช่สาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงผลแห่งคดีอย่างใด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องแถวพิพาทจากนางสมจิตต์ วังตาลโจทก์ได้ซื้อที่ดินพร้อมห้องแถวพิพาทจากนางสมจิตต์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว โจทก์แจ้งหใ้จำเลยและบริวารออกจากห้องแถวพิพาทจำเลยและบริวารเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากห้องแถวดังกล่าว และส่งมอบคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาเช่าท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยไม่เคยทำสัญญาเช่ากับนางสมจิตต์ การซื้อขายระหว่างนางสมจิตต์กับโจทก์เป็นการไม่สุจริตและฉ้อฉลจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดฟังประเด็นกลับและสืบพยานจำลเยต่อโจทก์ยื่นคำแถลงขอปิดอากรแสตมป์สัญญาเช่าที่อ้างส่งศาล ศาลชั้นต้นอนุญาต ส่วนจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากห้องแถวพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในสัญญาเช่าและคำสั่งที่ให้งดสืบพยานจำเลยไว้แล้ว
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบและสั่งงดสืบพยานจำเลยเป็นการชอบหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลชั้นต้นได้นัดฟังประเด็นกลับและสืบพยานจำเลยในวันที่ 18 มกราคา 2532 เวลา 9 นาฬิกา ในวันเวลาดังกล่าวทนายโจทก์มาศาล ฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล เวลา 9.00 นาฬิกาศาลชั้นต้นจึงจดรายงานกระบวนพิจารณาโดยบันทึกเทปแล้วให้พนักงานพิมพ์ดีดพิมพ์ก่อน ระหว่างนั้นได้พิจารณาคดีอื่นไปจนมีเวลาว่างจึงได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาคดีนี้ ซึ่งขณะอ่านทนายจำเลยมาศาลและได้ยื่นคำแถลงว่า เหตุที่มาช้าเพราะทนายจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในความผิดฐานขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ดังนี้ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ทนายจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจนไปศาลไม่ทันถือเป็นเหตุสุดวิสัย ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุสุดวิสัยย่อมหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นหรือให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครจะอ้าจป้องกันได้ แม้ทั้งผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลนั้นในฐานะเช่นนั้น การที่ทนายจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเพราะเหตุดังกล่าวเพราะทนายจำเลยจงใจกระทำผิดกฎหมายโดยขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจึงถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยดังที่จำเลยฎีกาและการที่ทนายจำเลยไปถึงศาลชั้นต้นช้ากว่าเวลานัดถึง40 นาที แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ศาลชั้นต้นยังอ่านรายงานกระบวนพิจารณาไม่จบก็ตาม ก็ไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบอีกต่อไป
การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในสัญญาเช่าหลังจากที่โจทก์ส่งต่อศาลแล้ว โดยไม่ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่สรรพากรปรับหรือเพิ่มอากรเป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากห้องแถวพิพาทซึ่งจำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมและเจ้าของเดิมขายให้โจทก์แล้ว จึงเป็นการฟ้องโดยอาศัยความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องแถวพิพาท มิได้ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาเช่า ไม่ว่าสัญญาเช่าจะรับฟังได้หรือไม่ หากได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องแถวพิพาทแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องแถวพิพาทอีกต่อไป ข้อกล่าวอ้างตามฟ้องของโจทก์มิใช่กรณีที่จะต้องใช้สัญญาเช่าเป็นพยานหลักฐานในคดี ดังนั้นปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ปิดอากรแสตมป์ในสัญญาเช่าโดยไม่ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่สรรพากรปรับหรือเพิ่มอากร ทำให้สัญญาเช่าดังกล่าวเป็นพยานเอกสารที่รับฟังไม่ได้ดังที่จำเลยฎีกาหรือไม่จึงไม่ใช่สาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงผลแห่งคดีแต่อย่างใด
พิพากษายืน.

Share