คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4102/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลซึ่งเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1) นั้น จะต้องเกิดขึ้นในบริเวณศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหาทำหนังสือร้องเรียนกล่าวหาว่า ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีตามหนังสือร้องเรียนมีพฤติการณ์ละเลยต่อหน้าที่ และด้อยประสบการณ์ในการพิจารณาพิพากษาคดี ฟังความโจทก์ข้างเดียว ตัดสินคดีผิดพลาดไม่ยุติธรรมและลงโทษผิดหลักมนุษยชาติกระทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายอย่างมากนั้น เป็นกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาทำหนังสือร้องเรียนไปยังประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งขณะนั้นมีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ร้องเรียนไปยังศาลชั้นต้นหรือได้ทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวขึ้นในบริเวณศาลชั้นต้นแต่อย่างใด แม้การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นการก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอย่างร้ายแรงโดยปราศจากความเคารพยำเกรงทำให้เสื่อมเสียต่อสถาบันศาลยุติธรรมและอาจทำให้ผู้พิพากษาดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน ซึ่งสมควรที่จะลงโทษให้หลาบจำมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปก็ตามแต่เมื่อการกระทำของผู้ถูกกล่าวหามิได้เกิดขึ้นในบริเวณศาล กรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1) จึงไม่อาจลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากนางสาวดาริกา วัฒนวงศ์ และนายสุภัทร ดวงศรี เจ้าหน้าที่ประจำศาลชั้นต้นกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้กล่าวพาดพิงถึงผู้พิพากษาและผู้พิพากษาหัวหน้าศาลว่ารับสินบนจากนายประกันและผู้มีอรรถคดีในศาล และผู้ถูกกล่าวหาได้ทำหนังสือร้องเรียนผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่าตัดสินคดีไม่เป็นธรรมศาลชั้นต้นผู้กล่าวหาจึงดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยกล่าวหาว่าผู้พิพากษารับสินบนหรือกระทำการโดยทุจริต เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับกฎหมายและศาล แต่ยอมรับว่าผู้ถูกกล่าวหารู้จักกับญาติของจำเลยในคดีที่ ว. ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นเป็นผู้ตัดสิน ด้วยความเห็นใจและสงสารญาติของจำเลยจึงได้ทำหนังสือฉบับดังกล่าวเพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ญาติของจำเลยโดยไม่มีเจตนาจะทำให้กระทบกระเทือนถึงผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีแต่ประการใด
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1), 33 เป็นความผิดสองกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวมเป็นจำคุก 2 เดือน
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกข้อกล่าวหาในกระทงที่กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาพูดจาพาดพิงผู้พิพากษาและผู้พิพากษาหัวหน้าศาลในเรื่องรับสินบนคงจำคุก 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นเสียก่อนว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวหาว่าผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีตามหนังสือร้องเรียนมีพฤติกรรมละเลยต่อหน้าที่ และด้อยประสบการณ์ในการพิจารณาพิพากษาคดี ฟังความโจทก์ข้างเดียว ตัดสินคดีผิดพลาดไม่ยุติธรรมและลงโทษหนักผิดหลักมนุษยชาติกระทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากนั้น เป็นกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาทำหนังสือร้องเรียนไปยังประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งขณะนั้นมีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครโดยตามทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ร้องเรียนไปยังศาลชั้นต้นหรือได้ทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวขึ้นในบริเวณศาลชั้นต้นแต่อย่างใด แม้การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นการก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีในศาลชั้นต้นอย่างร้ายแรงโดยปราศจากความเครพยำเกรง ทำให้เลื่อมเสียต่อสถาบันศาลยุติธรรมและอาจทำให้ผู้พิพากษาดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน ซึ่งสมควรที่จะลงโทษให้หลาบจำมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปก็ตาม แต่เมื่อการกระทำของผู้ถูกกล่าวหามิได้เกิดขึ้นในบริเวณศาล กรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) จึงไม่อาจลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษผู้ถูกกล่าวหามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และกรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกข้อกล่าวหาในกระทงที่ผู้ถูกกล่าวหาได้ทำหนังสือร้องเรียนผู้พิพากษาศาลชั้นต้นด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share