แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกจากที่ดินพิพาทเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่ที่ถูกแย่งการครอบครอง คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง
ย่อยาว
ได้ความว่า ฝ่ายจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทอยู่มิได้ละทิ้งอย่างน้อยจำเลยก็ครอบครองตลอดปี พ.ศ. 2499 ทั้งปี โจทก์เพิ่งจะมาฟ้องเมื่อเดือนมีนาคม 2500 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามออกจากที่ดินซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองให้ยกฟ้องโจทก์
คดีนี้ จำเลยทั้งสามต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความด้วย
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าโจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกจากที่ดินพิพาทเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่ที่ถูกแย่งการครอบครอง คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสี่
ส่วนตามฎีกาของโจทก์ที่อ้างว่า ที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนต้องอยู่ภายในบังคับอายุความ 10 ปี ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามท้องสำนวนไม่ได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนมาก่อนการใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามฟ้องของโจทก์เองก็ปรากฏว่า โจทก์เพิ่งไปขออนุญาตจับจองตามใบเหยียบย่ำเมื่อ พ.ศ. 2493 นี้เอง แล้วจะมาอ้างว่า เป็นที่บ้านที่สวนมาแต่เก่าก่อนได้อย่างไร