คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กระบือพิพาทสองตัวยังไม่มีตั๋ว รูปพรรณ แต่ละตัวอายุประมาณ5 ปี ไม่แน่ชัด ว่าอายุย่าง เข้าปีที่หก และไม่ปรากฏว่าเป็นกระบือที่ได้ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้ว ไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋ว รูปพรรณตาม พ.ร.บ. สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482มาตรา 8(2)(3) เมื่อจำเลยซื้อกระบือพิพาทจากโจทก์เพื่อฆ่า การซื้อขายดังกล่าวสมบูรณ์โดยไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามป.พ.พ. มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนดังกล่าวหมายถึงสัตว์พาหนะซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋ว รูปพรรณตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้วเท่านั้น และหากจำเลยจะนำกระบือดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร จำเลยจึงจะมีหน้าที่ต้องนำกระบือไปขอจดทะเบียนทำตั๋ว รูปพรรณตามมาตรา 8(4) แห่ง พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อกระบือผู้อายุประมาณ 5 ปี 2 ตัว ราคา18,000 บาท ไปจากโจทก์เพื่อส่งไปฆ่าทำเนื้อกระป๋องที่ประเทศมาเลเซียจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ภายใน 5 วัน เมื่อครบกำหนดจำเลยนำเช็คจำนวนเงิน 18,000 บาท มามอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ค่าซื้อกระบือ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามจำเลยจำเลย ขอผัดไป 1 เดือนเศษ ต่อมาโจทก์นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินอีก ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก โจทก์ทวงถามจำเลย จำเลยชำระหนี้ค่ากระบือให้โจทก์เพียง 2,000 บาทแล้วไม่ชำระอีก โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน18,000 บาท นับแต่วันที่ 30 เมษายน 2525 ซึ่งเป็นวันผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงินดอกเบี้ย 1,912.50 บาท หักเงิน 2,000 บาท ที่จำเลยชำระให้โจทก์ออกแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 17,912.50 บาทขอให้จำเลยชำระเงิน 17,912.50 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าไม่เคยซื้อกระบือและรับกระบือตามฟ้องไปจากโจทก์ทั้งไม่เคยชำระหนี้ค่ากระบือตามฟ้องให้โจทก์ สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาซื้อขายสัตว์พาหนะ มิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายจึงเป็นโมฆะ โจทก์ำม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 16,000 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2525 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ1,000 บาทแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การซื้อขายกระบือเป็นโมฆะ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จตำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์500 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในข้อกฎหมายว่า จำเลยซื้อกระบือเพศผู้อายุประมาณ 5 ปี ส่งไปทำเนื้อกระป๋องยังประเทศมาเลเซียจึงอยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482 มาตรา8(4) เมื่อการซื้อขายมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว จึงเป็นโมฆะใช้บังคับจำเลยไม่ได้นั้นเห็นว่า แม้พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482 มาตรา 4ได้บัญญัติว่า กระบือเป็นสัตว์พาหนะ ซึ่งเมื่อจะนำออกนอกราชอาณาจักรแล้ว เจ้าของต้องนำกระบือดังกล่าวไปขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณจากนายทะเบียนท้องที่ก่อนนำออกนอกราชอาณาจักรตามมาตรา 8(4)แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวเท่านั้น หาได้เกี่ยวกับการซื้อขายกระบือแต่อย่างใดไม่ เมื่อกระบือที่พิพาททั้งสองตัวยังไม่มีตั๋วรูปพรรณแต่ละตัวอายุประมาณ 5 ปี ไม่แน่ชัดว่าอายุย่างเข้าปีที่หก และไม่ปรากฏว่าเป็นกระบือที่ได้ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้ว ไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามมาตรา 8(2)(3) แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ เมื่อจำเลยซื้อกระบือพิพาทจากโจทก์เพื่อไปฆ่าทำเนื้อกระป๋องซึ่งเป็นกระบือที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณการซื้อขายดังกล่าวไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 นั้น หมายถึงสัตว์พาหนะตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482 ซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋วรูปพรรณแล้วเท่านั้น การซื้อขายกระบือที่พิพาทระหว่างโจทกืจำเลยจึงสมบูรณ์ ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1696-1697/2515(ประชุมใหญ่) ระหว่าง นายคุณ แซ่อึ้ง โจทก์ นายเกตุ วงศ์กาไสยจำเลย นายเกตุ วงศ์กาไสย โจทก์ นายคุณ แซ่อึ้ง จำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 1539/2526 ระหว่าง นายศักดา แก้วจรัสวิไล โจทก์นางปราณี คณานุรักษ์ กับพวก จำเลย เมื่อจำเลยรับมอบกระบือที่พิพาทไปจากโจทก์และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์กระบือที่พิพาทแล้ว หากจำเลยจะนำออกนอกราชอาณาจักร จำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 8(4)แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share