แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องรับจำนองที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้คัดค้านที่ 2 เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 โดยผู้ร้องทราบถึงข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 แม้ตามโฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาจำนองที่ได้จดทะเบียนไว้จะมิได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทออกเป็นส่วนของผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ว่ามีอาณาเขตอย่างไร แต่เมื่อขณะทำสัญญาจดทะเบียนจำนอง ผู้ร้องทราบว่าที่ดินพิพาทส่วนของจำเลยที่ 2 อยู่ส่วนใดย่อมแสดงว่าผู้ร้องประสงค์รับจำนองที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 2ในส่วนนั้น การจำนองจึงครอบถึงที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 การที่ผู้คัดค้านที่ 1 อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำโฉนดที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ตามบันทึกข้อตกลงจึงไม่เป็นการกระทำให้ผู้ร้องเสียหาย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 64509 ไว้จากจำเลยที่ 2 เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 โดยมีผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าของร่วม และผู้คัดค้านที่ 2ได้ร้องขอต่อผู้คัดค้านที่ 1 ขอยืมโฉนดที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน ผู้คัดค้านที่ 1 สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาต ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านไม่ให้มีการแบ่งแยกโฉนด เพราะจะทำให้ที่ดินที่ผู้ร้องรับจำนองไว้ไม่มีทางออกสู่ถนนสาธารณะ และราคาที่ดินที่รับจำนองจะต่ำลง ในการจดทะเบียนจำนองนั้นผู้ร้องได้ออกไปตรวจที่ดินแล้วไม่พบว่ามีแนวเขตแบ่งแยก ผู้จำนองก็ไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบว่าได้มีการบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์กัน หากทราบเช่นนั้นผู้ร้องคงจะไม่รับจำนอง ทั้งการตกลงแบ่งแยกยังไม่ได้จดทะเบียนจึงไม่อาจใช้ยันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกกระทำการโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนได้ คำสั่งของผู้คัดค้านที่ 1 ที่อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำโฉนดที่ดินไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินจึงไม่ชอบด้วยเหตุผล ขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของผู้คัดค้านที่ 1หากจะทำการแบ่งแยกก็ให้ที่ดินทั้งสองแปลงมีทางออกสู่ถนนสาธารณะได้ ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วน
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านว่า วันที่ 2 มิถุนายน 2526ผู้คัดค้านที่ 2 จดทะเบียนให้จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์รวม ในวันเดียวกันก็ได้จดทะเบียนบันทึกข้อตกลงเรื่องเจ้าของรวมคนใดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนไหนไว้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยชอบผู้คัดค้านที่ 2 ได้ทางด้านทิศใต้อันเป็นการตกลงแบ่งแยกชัดแจ้งแน่นอน ข้ออ้างของผู้ร้องจึงไม่ตรงต่อความจริงขัดต่อบันทึกข้อตกลงดังกล่าว และเป็นความบกพร่องของผู้ร้องเองที่ไม่ตรวจสอบเสียก่อนรับจำนอง ข้อตกลงดังกล่าวใช้ยันผู้ร้องได้ ขอให้ยกคำร้อง
ก่อนไต่สวนพยานผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกผู้คัดค้านที่ 2 เข้ามาในคดี
ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ 2 มีที่ดินแปลงอื่นติดถนนสาธารณะอยู่แล้ว แต่ต้องการขยายโรงงาน จึงขอซื้อจากผู้คัดค้านที่ 2 อีก 4 ไร่ 20 ตารางวา เนื่องจากการแบ่งแยกใช้เวลานาน จนวันที่ 2 มิถุนายน 2526 คู่กรณีจึงได้ลงชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม และในวันเดียวกันได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอแบ่งแยกที่ดิน โดยให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ทางด้านทิศใต้ ส่วนที่เหลือเป็นของจำเลยที่ 2 เจ้าพนักงานที่ดินได้บันทึกข้อตกลงไว้และนัดทำการรังวัดปักหลักเขตแบ่งแยกแล้วผู้ร้องรับจดทะเบียนจำนองด้วยความประมาทเลินเล่อ ไม่ระมัดระวังหากใช้ความระมัดระวังหรือตรวจสอบจริงก็จะพบหลักเขตที่เจ้าพนักงานที่ดินปักหลักเขตแบ่งแยกที่ดินไว้และบันทึกการแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ได้แสดงเจตนาแบ่งแยกโดยระบุเขตและเนื้อที่ไว้แน่นอนแล้ว ผู้ร้องเป็นผู้รับจำนองไม่มีสิทธิขอให้แบ่งใหม่ให้ส่วนที่รับจำนองมีทางออกถนนสาธารณะได้ หรือนำที่ดินทั้งสองแปลงออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกัน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งกลับคำสั่งของผู้คัดค้านที่ 1 ให้งดคืนโฉนดที่ดินตามคำร้องแก่ผู้คัดค้านที่ 2 เพื่อไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์จนกว่าจะได้มีการบังคับคดีในส่วนของผู้ร้องเสร็จสิ้นแล้ว
ผู้คัดค้านที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ได้ทำบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวม โดยผู้คัดค้านที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 64509 จำนวน1,620 ส่วน ในจำนวน 4,545 ส่วน โดยมีค่าตอบแทนผู้คัดค้านที่ 2กับจำเลยที่ 2 จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวร่วมกันและในวันเดียวกัน ผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ได้ทำบันทึกข้อตกลงแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดดังกล่าวว่า ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ที่ดินทางด้านทิศใต้ จำเลยที่ 2 ได้ทางด้านทิศเหนือ ตามเอกสารหมาย ร.9 แล้วได้มีการรังวัดที่ดินและแบ่งแยกเขตแล้วตามแผนที่เอกสารหมาย ร.10 ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินตามโฉนดดังกล่าวเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนจำนองไว้เป็นประกันหนี้ผู้ร้อง โดยผู้ร้องทราบถึงข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย ร.9 และ ร.10 และขณะรับจำนองผู้ร้องทราบว่าจำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทส่วนทางทิศเหนือ แม้ตามที่ปรากฏในโฉนดที่ดินพิพาท และสัญญาจำนองที่ได้จดทะเบียนไว้ จะมิได้ระบุแบ่งแยกที่ดินพิพาทออกเป็นส่วนของผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ว่ามีอาณาเขตอย่างไร แต่เมื่อขณะทำสัญญาจดทะเบียนจำนอง ผู้ร้องทราบแล้วว่าที่ดินพิพาทส่วนของจำเลยที่ 2 อยู่ส่วนใด ย่อมแสดงว่าผู้ร้องมุ่งประสงค์รับจำนองที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 2 ในส่วนนั้น การจำนองจึงครอบถึงที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 การที่ผู้คัดค้านที่ 1 อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำโฉนดที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ตามบันทึกข้อตกลง เอกสารหมาย ร.9 และ ร.10 จึงไม่เป็นการกระทำให้ผู้ร้องเสียหาย
พิพากษายืน