แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ท่านว่าเป็นโมฆะ จึงต้องถือว่าบุคคลทุกคนได้รู้ถึงบทบัญญัตินั้นแล้วผู้ใดอ้างว่า ไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพฤติการณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษโดยแน่ชัดว่า ตนไม่รู้ และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นนั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินจากจำเลยทำ หนังสือสัญญาขายฝากกันเองโดยมิได้จดทะเบียนการขายฝาก ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์เพิ่งทราบจากทนายความว่าสัญญาขายฝากเป็นโมฆะ จึงฟ้องเรียกเงินค่าซื้อฝากคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการและว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ดังนี้ปัญหาจึงมีว่าฝ่ายโจทก์ได้รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนเงินนั้นแต่เมื่อใด ปัญหาดังกล่าวโจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้และ ไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้ว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ในข้อที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่การที่ศาลชั้นต้น สั่งงดสืบพยานคู่ความและฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว จึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินไว้กับโจทก์ เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย กำหนดไถ่คืนภายใน ๑ ปี ครบกำหนดจำเลยไม่ไถ่ โจทก์เพิ่งทราบจากทนายบอกว่า นิติกรรมเป็นโมฆะเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๒๖ จำเลยรับเงินจำนวนดังกล่าวไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จำเลยต้องคืนเงินแก่โจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยไม่ยอมคืนขอให้พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า ได้ขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์เป็นเงิน ๓๕,๐๐๐ บาท มีกำหนดไถ่คืนภายใน ๑ ปี จำเลยได้ชำระหนี้ไถ่ถอนการขายฝาก โจทก์ได้คืนโฉนดเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีหนี้สินต่อกันอีก โจทก์ทราบว่าหนังสือสัญญาขายฝากเป็นโมฆะตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๓ โจทก์ฟ้องคดีเกิน ๑ ปี คดีขาดอายุความขอให้พิพากษายกฟ้อง
ในวันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์เป็นเกษตรกรมีบ้านอยู่ห่างจากอำเภอ ระยะทางประมาณ ๒๕ กิโลเมตร เพิ่งทราบเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๒๖ ว่าสัญญาขายฝากเป็นโมฆะ นอกจากนี้แล้วไม่มีพฤติการณ์พิเศษเฉพาะตัวอื่นใด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีพอตัดสินใจจึงได้งดสืบพยานโจทก์จำเลย และวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ เมื่อโจทก์ไม่ฟ้องภายใน ๑ ปี นับแต่เวลาที่ถือได้ว่าโจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืน คดีจึงขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ได้รับซื้อฝากที่พิพาทจากจำเลยทำหนังสือสัญญาขายฝากกันเองลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๓ โดยไม่ได้จดทะเบียนการขายฝากต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีกำหนดไถ่คืนภายในกำหนด ๑ ปี ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ได้ไถ่คืน โจทก์เพิ่งทราบจากทนายความเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๒๖ ว่าสัญญาขายฝากเป็นโมฆะจึงฟ้องเรียกเงินค่าซื้อฝากจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาทคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙ ในกรณีที่นิติกรรมเป็นโมฆะ สิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่กระทำเพื่อการชำระหนี้ของฝ่ายผู้เสียเปรียบย่อมเกิดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายหนึ่งได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าฝ่ายโจทก์ได้รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนเงินนั้นแต่เมื่อใด ตามธรรมเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ท่านว่าเป็นโมฆะ จึงต้องถือว่าบุคคลทุกคนได้รู้ถึงบทบัญญัตินั้นแล้ว ผู้ใดอ้างว่าไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพฤติการณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษโดยแน่ชัดว่าตนไม่รู้ และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นกัน หรืออีกนัยหนึ่งโจทก์ผู้ฟ้องเรียกคืนย่อมมีสิทธิที่จะสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้ว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายในข้อที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นสาระสำคัญในประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย แต่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานคู่ความแล้วฟังว่า โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน ๑ ปี คดีขาดอายุความซึ่งเรื่องนี้คู่ความแถลงรับกันว่า โจทก์เพิ่งรู้จากทนายโจทก์บอกเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๒๖ ว่า สัญญาขายฝากระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ แต่โจทก์ก็ยังมีหน้าที่จะต้องนำสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้ และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นนั้นมาก่อน และคดีมีประเด็นจะต้องสืบพยานตามข้อต่อสู้ของจำเลยอยู่ยังไม่สมควรงดสืบพยานคู่ความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่