แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ใช้ถ้อยคำว่าขอทุเลาการบังคับมาในคำร้องที่โจทก์ยื่นพร้อมกับอุทธรณ์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง แต่ก็มีใจความว่าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการติดตามเอาทรัพย์พิพาทของโจทก์คืนมาจากจำเลยจึงพอแปลได้ว่าคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตามมาตรา 231
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับนายเชื้อ ภักดีพินิจ และให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทที่จำเลยทำขึ้นเป็นไปโดยมิชอบ จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของในที่ดินพิพาทจำเลยรับโอนที่ดินพิพาทมาโดยถูกต้องและจดทะเบียนจำนองไว้แก่ธนาคารโดยชอบขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า ตามคำร้องแปลได้ว่าโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 เห็นสมควรมีคำสั่งห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งที่ชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะใช้ถ้อยคำว่าขอทุเลาการบังคับมาในคำร้องที่โจทก์ยื่นพร้อมกับอุทธรณ์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง แต่ก็มีใจความว่าหากศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการติดตามเอาทรัพย์พิพาทของโจทก์คืนมาจากจำเลย จึงพอแปลได้ว่าคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตาม 231 คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในข้อนี้ชอบแล้ว แต่อย่างไรก็ดี เมื่อพิเคราะห์ถึงรูปคดีแล้วไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งห้ามจำเลยมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์