แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกโดยอ้างว่าบ้านและที่ดินทั้งสามแปลงเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านอ้างว่าบ้านและที่ดินทั้งสามแปลงไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าบ้านและที่ดินทั้งสามแปลงไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายทั้งตามคำร้องขอไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีทรัพย์มรดกอื่นใดอีก จึงไม่มีเหตุขัดข้องที่จะตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ
ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้าน
ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า นายกิมกัง ผู้ตาย กับผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นสามีภริยากัน มีบุตร ๗ คน รวมทั้งผู้ร้องกับผู้คัดค้านที่ ๒ และที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๓ ผู้ตายถึงแก่กรรมตามมรณบัตร คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า มีเหตุที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่
เห็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๙๕๔ มีชื่อผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้คัดค้านที่ ๒ จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๓ ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ส่วนบ้านเลขที่ ๘ ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินและเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๔ ด้วย หากผู้ร้องโต้แย้งว่าบ้านเลขที่ ๘ เป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินใช้สิทธินั้นปลูกสร้างไว้จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดินแล้ว ผู้ร้องต้องมีภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้ สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๒๒๐ และ ๔๒๒๑ มีชื่อผู้คัดค้านที่ ๓ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้คัดค้านที่ ๓ จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานกฎหมายว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน การที่ผู้ร้องโต้แย้งว่าที่ดินทั้งสามแปลงนี้เป็นของผู้ตาย มิใช่เป็นของผู้คัดค้านที่ ๒ และที่ ๓ ผู้ร้องย่อมต้องมีภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้ด้วย ผู้ร้องเบิกความปากเดียวกล่าวอ้างลอย ๆ ว่า บ้านเลขที่ ๘ และที่ดินทั้งสามแปลงเป็นของผู้ตายแต่ให้ผู้คัดค้านที่ ๒ และที่ ๓ ถือกรรมสิทธิ์แทนไว้ ไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายได้
พยานฝ่ายผู้คัดค้านนอกจากจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายแล้วยังมีพยานบุคคลอื่นมาเบิกความยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านเลขที่ ๘ และที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าว จึงมีน้ำหนักมากกว่าพยานผู้ร้อง น่าเชื่อว่าบ้านเลขที่ ๘ และที่ดินทั้งสามแปลงนี้ไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตาย ตามคำร้องของผู้ร้องไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีทรัพย์มรดกอื่นใดอีก จึงไม่มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีเหตุขัดข้องที่จะตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำร้องขอของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๕๐๐ บาท แทนผู้คัดค้านทั้งสาม.