แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินมีโฉนดซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ทำหนังสือขออุทิศหรือยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้ก่อสร้างโรงพยาบาล โดยได้มีการส่งมอบการครอบครองเป็นสัดส่วนให้แก่ทางราชการ และทางราชการได้ดำเนินการในอันที่จะใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเพื่อเป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลแล้ว เช่นนี้ที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการตั้งแต่วันทำหนังสืออุทิศให้โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 กับ พ. ได้ยกที่ดินมีโฉนดบางส่วนให้แก่ทางราชการเพื่อใช้ก่อสร้างโรงพยาบาล โดยยังไม่ได้มีการโอนหรือส่งมอบที่ดินให้ ต่อมาจำเลยนำรถแทรกเตอร์มาไถที่ดินโดยพลการโจทก์ทราบว่าทางราชการไม่สร้างโรงพยาบาลแล้ว ที่ดินดังกล่าวจึงไม่ตกเป็นของทางราชการ ขอให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด
จำเลยให้การว่า การยกที่ดินพิพาทให้แก่ทางราชการมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ที่พิพาทจึงมิใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลหมายเรียกสภาตำบลมะขามล้มเข้ามาเป็นจำเลยร่วม และจำเลยร่วมให้การต่อสู้ทำนองเดียวกับจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยออกจากที่ดินพิพาทและให้ชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทนี้ พ.ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ทำหนังสือขออุทิศหรือยกให้แก่ทางราชการเพื่อให้ก่อสร้างโรงพยาบาล ได้มีการรังวัดปักหลักไม้เป็นแนวเขตแน่นอน มีป้ายบอกว่าเป็นสถานที่ก่อสร้างโรงพยาบาล จำเลยร่วมได้เตรียมงบประมาณเพื่อก่อสร้างบางส่วนไว้แล้ว ทั้งมีหนังสือติดต่อกับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมีการใช้รถแทรกเตอร์ดันดินทำเป็นคันทั้งสี่ด้านแสดงว่า พ.ได้ส่งมอบการครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนแก่ทางราชการ และทางราชการได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทโดยปรับพื้นที่เตรียมการที่จะใช้เป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลตามวัตถุประสงค์ของผู้อุทิศให้แล้ว แม้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งว่าไม่สามารถจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นได้ ก็น่าจะหมายถึงการจัดตั้งโรงพยาบาลขนาด 10 เตียงในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งโรงพยาบาลขนาดน้อยกว่า10 เตียง ไม่ได้ หรือจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังมีหนังสือของนายอำเภอท้องที่ระบุว่าได้ทำเรื่องทบทวนไปใหม่ขอให้สร้างโรงพยาบาลขนาด 5 เตียง และหนังสือของกระทรวงสาธารณสุขถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าขอรับเรื่องไว้พิจารณาและปรึกษากับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต่อไปแสดงว่าทางราชการยังคงดำเนินการในอันที่จะใช้ประโยชน์ในที่พิพาทเพื่อเป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลตลอดมา หนังสืออุทิศที่พิพาทก็ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 10 เตียง และภายในกำหนดเวลาใด ดังนั้นที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการเพื่อใช้เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับก่อสร้างโรงพยาบาลตั้งแต่วันทำหนังสืออุทิศให้โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์ทั้งสองมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยด้วย.