คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3270/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำผิดพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533มาตรา 17 มีอายุไม่เกิน 17 ปี และไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ติดสารระเหยในกรณีเช่นนี้พระราชกำหนดดังกล่าว มาตรา 26(1) ให้ศาลมีอำนาจว่ากล่าวตักเตือนจำเลยแล้วปล่อยตัวไป และถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดามารดา ผู้ปกครองหรือบุคคลที่จำเลยอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้ต้องถือว่าพระราชกำหนดดังกล่าวบัญญัติวิธีที่จะให้ศาลดำเนินการกับจำเลยไว้โดยเฉพาะแล้ว ศาลจึงนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17,74,75มาใช้บังคับ โดยพิพากษาให้ส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหยพ.ศ. 2533 มาตรา 3, 17, 24 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี จึงไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17, 74, 75ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ส่งตัวจำเลยไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก แต่ให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยและบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือบุคคลที่จำเลยอาศัยอยู่คนใดคนหนึ่งมาว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยจำเลยไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลจะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17, 74, 75 มาใช้บังคับโดยพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กมีกำหนด 1 ปี ดังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยซึ่งกระทำความผิดตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหยพ.ศ. 2533 มาตรา 17 มีอายุไม่เกิน 17 ปี และไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ติดสารระเหย ในกรณีเช่นนี้พระราชกำหนดดังกล่าว มาตรา 26(1)บัญญัติว่า ให้ศาลมีอำนาจดำเนินการคือ ให้ว่ากล่าวตักเตือนจำเลยแล้วปล่อยตัวไปและถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดามารดา ผู้ปกครองหรือบุคคลที่จำเลยอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้ ดังนี้ ต้องถือว่าพระราชกำหนดดังกล่าว ได้บัญญัติวิธีที่จะให้ศาลดำเนินการกับจำเลยไว้โดยเฉพาะแล้ว ศาลจึงนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17, 74, 75มาใช้บังคับ โดยพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก มีกำหนด 1 ปี ดังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ได้
พิพากษายืน

Share