แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ร้อยตำรวจตรี มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมวดสถานีตำรวจภูธรอำเภอแห่งท้องที่นั้น แต่มิได้รักษาการณ์แทนผู้บังคับกอง จึงไม่มีฐานะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีอำนาจออกหมายค้นได้ จึงไม่อาจค้น หรือสั่งให้จำเลยค้นได้โดยลำพังตนเอง การที่จำเลยขึ้นและเข้าไปจับกุมผู้กระทำผิดบนบ้านเรือนที่ในห้องนอนของผู้กระทำผิด แม้จะมีหมายจับแต่ไม่มีหมายค้นนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 8192 เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจย่อมไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย อันจะทำให้เกิดสิทธิป้องกันตัวได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายไข่แดงตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๓
จำเลยให้การว่า ทำโดยป้องกันตัวในขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทำผิดดังฟ้อง ให้จำคุกคนละสิบห้าปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายไข่แดงได้ยิงจำเลยทั้งสองจริง จำเลยจะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันตัวมิได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำตามหน้าที่นั้น เห็นว่าการที่จำเลยขึ้นไปบนเรือนนางหลินสอบถามหาตัวนายไข่แดงและเข้าไปในห้องที่นายไข่แดงนอนอยู่เพื่อจับกุมนายไข่แดง จำเลยจะกระทำเช่นนั้นมิได้เพราะเป็นที่ระโหฐานจะถือว่าร้อยตำรวจตรีสนิทเป็นหัวหน้าไปจับกุมและสั่งให้จำเลยทั้งสองขึ้นไปบนเรือนนางหลินที่นายไข่แดงพักอยู่ในขณะนั้นเป็นการชอบก็หาได้ไม่เพราะร้อยตำรวจตรีสนิทมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมวดสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าแซะแห่งท้องที่นั้น และมิได้รักษาการณ์แทนผู้บังคับกอง จึงไม่มีฐานะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไม่มีอำนาจออกหมายค้นได้ จึงไม่อาจค้นหรือสั่งให้จำเลยค้นได้โดยลำพังตนเองการที่จำเลยทั้งสองขึ้นและเข้าไปจับกุมนายไข่แดงบนบ้านเรือนที่ในห้องนอนของนายไข่แดงครั้งนี้ แม้จะมีหมายจับแต่ไม่มีหมายค้นนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๑, ๙๒เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ ย่อมไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย อันจะทำให้เกิดสิทธิป้องกันตัวได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ แต่อย่างใด แต่เห็นว่านายไข่แดงมีความประพฤติไม่ดี เคยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ เป็นอันธพาล เคยหลบหนีจากการควบคุมของศาล และฉุดเอาหญิงมาเป็นภริยาโดยญาติพี่น้องเกรงกลัวไม่กล้าเอาเรื่องและจำเลยรับว่าได้ยิงนายไข่แดงจริงในขณะจับกุม แต่จำเลยกระทำเกินขอบเขตไป จึงเป็นความผิด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุกคนละสิบห้าปีดังศาลชั้นต้นแต่มีเหตุควรบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ให้จำคุกไว้คนละสิบปี.