แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีจำเลยผิดสัญญาและโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับได้ตามสัญญามีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
จำเลยยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้และศาลชั้นต้นได้กำหนดเป็นประเด็นไว้แล้ว แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับได้โดยที่มิได้วินิจฉัยไปถึงประเด็นเรื่องอายุความเลยดังนั้น แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ยกเรื่องอายุความขึ้นกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็วินิจฉัยถึงเรื่องอายุความได้และไม่จำต้องย้อนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาการซื้อขายชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบิน ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าปรับเป็นเงิน 108,726 บาท 83 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่สามารถส่งสิ่งของที่ซื้อขายได้เพราะราคาสูงขึ้นจำเลยได้บอกเลิกสัญญาและยอมให้โจทก์ริบเงินประกันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิปรับอีก ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลยได้ ส่วนปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น ศาลล่างทั้งสองไม่ได้วินิจฉัยไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่จำต้องย้อนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และเห็นว่ากรณีจำเลยผิดสัญญาและโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญานั้น มิได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าให้ฟ้องร้องภายใน 2 ปีตามที่จำเลยให้การ และมีกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยยังไม่เกิน 10 ปีนับแต่จำเลยผิดสัญญา ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินค่าปรับฐานผิดสัญญาซื้อขายจำนวน 108,726 บาท 83 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์