คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า คดีที่จำเลยเบิกความมีข้อพิพาท ประเด็น และข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) แม้โจทก์จะได้บรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง และต่อมาได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของจำเลยกับคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานและขอให้ศาลเรียกมาจนศาลชั้นต้นได้เรียกสำนวนนั้นมาผูกติดสำนวนคดีนี้ไว้แล้วก็ตาม ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็หาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ต่อมาได้สั่งงดการไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าคำฟ้องไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ (๕) คดีของโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) หรือไม่ พิเคราะห์แล้วโจทก์ฟ้องฐานเบิกความเท็จ ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจเบิกความเท็จต่อศาลในข้อสำคัญในคดีในการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๐๒/๒๕๑๙ ของศาลจังหวัดนครปฐม ระหว่างนายจำเนียน ยิ้มพริ้ง โจทก์ นางสงวน จิตรัตนสุขจำเลยว่าที่นาพิพาทโจทก์ขอเช่า โดยคิดค่าเช่าปีละ ๑,๗๐๐ บาท โดยถืออัตราข้าวเปลือกต่อไร่คิดไร่ละ ๑๐ ถัง โจทก์ชำระเงินบ้าง ข้าวเปลือกบ้าง บางครั้งคิดทั้งข้าวทั้งเงินซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงที่นาพิพาทโจทก์ไม่ได้เช่าจากนายถวิล จิตรัตนสุข สามีจำเลยซึ่งวายชนม์ไปแล้ว เพราะที่ดินอยู่กับโจทก์ไม่เคยมีสัญญาเช่ากับสามีจำเลย โจทก์ไม่เคยเสียค่าเช่าแก่จำเลยหรือสามีจำเลยดังนี้ ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า คดีที่จำเลยเบิกความมีข้อพิพาท ประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะบรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง ต่อมาได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของจำเลยกับคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐาน และขอให้ศาลเรียกมาจนศาลชั้นต้นได้เรียกสำนวนคดีนั้นทั้งสำนวนมาผูกติดสำนวนคดีนี้ไว้แล้วก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็หาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นมิได้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕) ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share