แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโฉนดเลขที่ 488 หลังจากจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว โจทก์ขอแก้เลขที่โฉนดเป็น 448 เมื่อปรากฏว่าฟ้องนอกจากอ้างเลขโฉนดแล้ว ยังได้อ้างเลขที่ดินเลขหน้าสำรวจ เล่มที่และหน้า ซึ่งตรงกับโฉนดเลขที่ 448 แสดงว่าโจทก์อ่านเลขโฉนดผิด การแก้ไขดังกล่าวไม่อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลอนุญาตให้แก้ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีประเด็นตามฎีกาของจำเลยว่า
1. ที่ศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องหลังจากจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และ
2. ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นของจำเลย
สำหรับประเด็นข้อแรกโจทก์ยื่นคำร้องว่า เพิ่งตรวจพบว่า คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับเลขที่โฉนดผิดไป ความจริงคือโฉนดเลขที่ 448ไม่ใช่เลข 488 เป็นทำนองว่าโจทก์อ่านตัวเลขผิด จึงขอแก้ให้ถูกต้องศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับที่ดินแปลงนี้นอกจากโจทก์จะอ้างถึงเลขโฉนดแล้วยังได้อ้างเลขที่ดิน เลขหน้าสำรวจ เล่มที่และหน้า ซึ่งตรงกับโฉนดเลขที่ 448 เอกสารหมาย จ.9 แสดงว่าโจทก์อ่านเลขโฉนดผิด เพราะเลข 448 กับ 488 มีลักษณะคล้ายคลึงกัน การแก้ไขดังกล่าวไม่อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ศาลอนุญาตให้แก้ได้ ที่จำเลยฎีกาว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีนั้น เห็นว่าก่อนมีการสืบพยาน ศาลชั้นต้นสั่งให้ทำแผนที่พิพาท โจทก์จำเลยต่างนำชี้ที่ดินของตนและรับรองว่าแผนที่พิพาทถูกต้อง จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด” ฯลฯ
“พฤติการณ์การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และการออกโฉนดที่ดินของโจทก์ที่เป็นมาส่อไปในทางมิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และออกทับที่ดินของจำเลยบางส่วน โฉนดของโจทก์ส่วนที่ออกทับที่ดินของจำเลยจึงไม่มีผลตามกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับ เป็นยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสามศาลแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความรวม 5,000 บาท”