แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยกอาวุธปืนแก๊ปยาวซึ่งตามปกติธรรมดาเป็นอาวุธร้ายแรงจ้องเล็งไปยังผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่าจะยิงผู้เสียหายและถีบบ. ผู้ขอร้องจำเลยว่าอย่ายิงล้มลงเพื่อให้พ้นจากการขัดขวางจำเลยไม่ให้ยิงผู้เสียหาย การกระทำดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและพร้อมที่จะยิงผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายหลบไปอยู่ข้างหลัง ว. โดยกอดเอวไว้ ทำให้จำเลยไม่สามารถเลือกยิงผู้เสียหายได้ในทันที ดังนี้ แม้ไม่ได้ความขัดว่านิ้วมือของจำเลยสอดเข้าในโกร่งไกปืนแล้วหรือยัง แต่จำเลยพร้อมจะยิงผู้เสียหายเป็นการเริ่มต้นกระทำความผิดแล้ว ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 3, 6, 7 และริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านโดยไม่มีใบอนุญาต แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาพยายามฆ่า
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสองการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก 12 ปี ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวล-กฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน ความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 เดือนและจำคุก 2 เดือน ตามลำดับ รวมลงโทษจำคุกจำเลย 12 ปี 8 เดือนและริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยยกอาวุธปืนแก๊ปยาวซึ่งตามปกติธรรมดาเป็นอาวุธร้ายแรงจ้องเล็งไปยังผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่า… กูจะยิงไอ้พัด (ผู้เสียหาย) และถีบนางยาผู้ขอร้องจำเลยว่าอย่ายิงล้มลงเพื่อให้พ้นจากการขัดขวางจำเลยไม่ให้ยิงผู้เสียหาย การกระทำดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและพร้อมที่จะยิงผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายหลบไปอยู่ข้างหลังนายวัฒน์โดยกอดเอวไว้ ทำให้จำเลยไม่สามารถเลือกยิงผู้เสียหายได้ในทันที ดังนี้ แม้จำเลยยังไม่ได้ยิงผู้เสียหายก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าแล้ว ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าประจักษ์พยานโจทก์คือผู้เสียหายและนายวัฒน์ไม่ได้เบิกความยืนยันว่าเห็นนิ้วมือของจำเลยสอดเข้าในโกร่งไกปืน จะฟังว่าเป็นการลงมือพยายามฆ่าหาได้ไม่นั้น แม้ไม่ได้ความชัดว่านิ้วมือของจำเลยสอดเข้าในโกร่งไกปืนแล้วหรือยัง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยกอาวุธปืนแก๊ปยาวจ้องเล็งไปที่ผู้เสียหาย และพูดว่า …กูจะยิงไอ้พัด (ผู้เสียหาย) การกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยพร้อมจะยิงผู้เสียหายเป็นการเริ่มต้นกระทำความผิดแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวล-กฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ให้จำคุก 10 ปี รวมกับโทษฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนซึ่งถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้วเป็นจำคุก 10 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1