แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์โดยเอาที่ดินเป็นประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยเอาที่ดินแปลงนี้ไปจำนองเสีย การกระทำของจำเลยดังนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 349 และ 350
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๑,๐๐๐ บาท นำที่ดินแปลงหนึ่งให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้ โดยรับรองว่าเป็นที่ดินของจำเลยไม่มีการติดพันในหนี้สินรายอื่น จำเลยผิดนัด โจทก์ฟ้องและศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์แล้ว ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยเอาที่ดินที่ให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกันนั้นไปจำนองธนาคารเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท เป็นการทุจริตทำให้ทรัพย์สินที่ประกันเงินกู้โจทก์เสื่อมหรือไร้ค่า เพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งโจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้ชำระหนี้ได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๙ และ ๓๕๐
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยเอาทรัพย์ที่เป็นประกันเงินกู้โจทก์ไปจำนอง เป็นการทำให้เสื่อมเสียหรือไร้ค่า ทำให้โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน เป็นความเสียหายแก่โจทก์ และถือได้ว่าเป็นการย้ายไปเสียหรือซ่อนเร้นตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๐ ที่มุ่งหมายไม่ให้มีการโกงเจ้าหนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตรา ๓๔๙ นั้นมีความหมายว่า ต้องเป็นการกระทำแก่ทรัพย์ที่ตนได้จำนำไว้แก่ผู้อื่นตามลักษณะจำนำ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำโดยเฉพาะเท่านั้น เมื่อทรัพย์รายนี้ไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนำโจทก์ไว้ แม้จำเลยจะเอาไปจำนองผู้อื่น และผู้รับจำนองมีสิทธิหักเงินในมูลค่าจำนองอันอาจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายก็ตามก็ขาดองค์ประกอบสำคัญของความผิด การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรานี้ และตามบทบัญญัติมาตรา ๓๕๐นั้น จะต้องเป็นการกระทำเพิ่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน คือย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใด หรือแกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริง ตามฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดแสดงว่าจำเลยได้ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยเอาที่ดินที่ประกันเงินกู้โจทก์ไปจำนอง ในฟ้องโจทก์มิได้แสดงว่าจำเลยแกล้งให้ตนเองเป็นหนี้อันไม่เป็นความจริง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้
พิพากษายืน