แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้ที่มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามมาตรา 4(4)วรรคสอง นั้น แยกได้เป็นสองอย่างคือ ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้นอย่างหนึ่งกับไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าว คือ เคยเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยเป็นเครื่องใช้มาแล้ว และผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าได้เคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้สักและห้าปีสำหรับไม้สักอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นตามความหมายในกฎหมายดังกล่าว ผู้ครอบครองจะต้องพิสูจน์แต่เฉพาะกรณีที่ไม้นั้นมิได้อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือมิได้อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ แต่กล่าวอ้างว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วเท่านั้นส่วนบานประตูและบานหน้าต่างไม้สักของกลางเป็นไม้ที่ทำขึ้นใหม่ อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน จึงมิใช่ไม้แปรรูป และผู้ครอบครองหาจำต้องพิสูจน์ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้สักแปรรูปซึ่งเป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษและสั่งริบของกลาง คือไม้สักแปรรูปจำนวน1,223 แผ่น
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ไม้ของกลางเป็นบานประตูและบานหน้าต่าง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ มิใช่ไม้แปรรูป จำเลยจึงไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง คือของกลางให้เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 4(4) วรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ (1) บัญญัติว่า “ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้น รวมทั้งไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าวและผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าได้เคยมีสภาพ เช่นนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม่สัก และห้าปีสำหรับไม้สัก มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูป” ศาลฎีกาเห็นว่า ความในวรรคนี้มีความหมายว่า ไม้ที่มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูปนั้น แยกได้เป็นสองอย่าง คือ ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้น อย่างหนึ่งกับไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าว คือเคยเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยเป็นเครื่องใช้มาแล้ว และผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้สัก และห้าปีสำหรับไม้สักอีกอย่างหนึ่ง ตามความในกฎหมายดังกล่าว ผู้ครอบครองจะต้องพิสูจน์แต่เฉพาะกรณีที่ไม้นั้นมิได้อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือมิได้อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้แต่กล่าวอ้างว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วเท่านั้น ข้อความที่ว่า “รวมทั้งไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าว และผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้ว” ย่อมแสดงอยู่ชัดว่าในปัจจุบันไม้มิได้อยู่ในสภาพเช่นนั้นแล้ว จึงต้องมีการพิสูจน์ว่าเคยมีสภาพเช่นนั้น มาก่อน โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ สองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้สัก และห้าปีสำหรับไม้สัก ส่วนไม้สักบานประตูหน้าต่างของกลางคดีนี้ เป็นไม้ที่ทำขึ้นใหม่อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้อยู่แล้วในปัจจุบันไม้ของกลางจึงมิใช่ไม้แปรรูป การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน