คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างจำเลยกับสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกอยู่ มีว่าเมื่อจะมีการแต่ง ตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนพนักงานของจำเลยกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพนักงานของจำเลยถูกกล่าวหาหรือมีความผิดเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค จำเลยต้องให้ผู้แทนของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค เข้าร่วมเป็นกรรมการสอบสวนด้วยโดยให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค เป็นผู้เสนอชื่อ ผู้แทนไม่น้อยกว่า 1 คน ดังนั้น การออกคำสั่งของจำเลยหรือทำการสอบสวนพนักงาน จำเลยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยเคร่งครัด การที่จำเลยแต่ง ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนโจทก์ทางวินัยโดยไม่มีผู้แทนของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคเข้าร่วมเป็นกรรมการสอบสวนและจำเลยสั่งให้โจทก์ออกจากงานนั้น เป็นคำสั่งที่ขัดต่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบและกรณีต้องถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมีการสอบสวนที่ไม่ชอบอันเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนังานของจำเลย ตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานการเงินและการบัญชี 5 และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2527 จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานอ้างว่าโจทก์อาศัยอำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัวและทุจริตต่อหน้าที่ แต่คณะกรรมการที่จำเลยแต่งตั้งขึ้นสอบสวนโจทก์นั้นไม่มีกรรมการฝ่ายสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคร่วมสอบสวนตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง การตั้งคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้ยกเลิกคำสั่งที่ให้โจทก์ออกจากงานและให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่ง อัตราค่าจ้าง กับสวัสดิการไม่น้อยกว่าเดิม ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างระหว่างไม่ได้ทำงานถึงวันฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย กับให้จำเลยจ่ายค่าจ้าง ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน
จำเลยให้การว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยถูกต้องตามข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การถอดถอนระเบียบวินัย การลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงาน พ.ศ. 2522แล้ว ส่วนบันทึกข้อตกลงระหว่างการประปาส่วนภูมิภาคกับสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2525 ที่ต้องยอมให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคร่วมเป็นกรรมการสอบสวนพนักงานหรือลูกจ้างที่ถูกกล่าวหาหรือมีความผิด เฉพาะกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือมีความผิดที่เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค โดยสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้เสนอชื่อแทนไม่น้อยว่า 1 คน ให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการ โจทก์ได้ทราบข้อตกลงนี้แล้วกลับไม่รักษาสิทธิของตนเอง โดยแจ้งให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคเสนอชื่อสมาชิกเข้าร่วมเป็นกรรมการ เมื่อข้อตกลงกำหนดไว้ชัดแจ้งเช่นนี้จึงไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยจะต้องแจ้งให้โจทก์ทราบอีกคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าโจทก์ทำความผิด จึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงาน โจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนไม่ชอบ และมิได้อุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ซึ่งแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้มีผู้แทนของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคเข้าร่วมเป็นกรรมการ และเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของจำเลยแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทุกกรณี ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่ได้แจ้งให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคให้เสนอชื่อผู้แทนเข้าร่วมเป็นกรรมการสอบสวนด้วย และเข้าใจว่าสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคไม่ทราบเรื่อง จำเลยแถลงว่า จำเลยไม่ได้แจ้งให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคทราบเช่นกัน ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานต่อไป จึงมีคสำั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าวัตถุประสงค์ของข้อตกลงระหว่างการประปาส่วนภูมิภาคกับสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2525ข้อ 3 ก็เพื่อให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของสมาชิก จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะแจ้งให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูิมภาคทราบเพื่อเสนอชื่อผู้แทนเข้าร่วมเป็นกรรมการสอบสวน ถือได้ว่าโจทก์ได้สละสิทธิ การสอบสวนของจำเลยชอบแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ตามข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน การบรรจุการแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การถอดถอน ระเบียบวินัยการลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงาน พ.ศ. 2522 เอกสารหมายล. 1 นั้น ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคมีอำนาจออกคำสั่งใด ๆ เพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ได้ ดังนั้น การออกคำสั่งของผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อทำการสอบสวนพนักงานของจำเลยจึงต้องอยู่ในบังคับของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคกับจำเลยด้วย โดยจำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดว่า เมื่อจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนพนักงานของจำเลยกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพนักงานของจำเลยถูกกล่าวหาหรือมีความผิดเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคจำเลยจะต้องให้ผู้แทนของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคเข้าร่วมเป็นกรรมการสอบสวนด้วย โดยให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้เสนอชื่อผู้แทนไม่น้อยกว่า 1 คนให้จำเลยพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการ เมื่ออำนาจออกคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการขึ้นเพื่อทำการสอบสวนพนักงานของจำเลยเป็นอำนาจของผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคเช่นนี้ ก่อนมีคำสั่งก็ชอบที่จำเลยจะต้องแจ้งให้สหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคทราบ เพื่อให้มีการปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นเสียก่อน และศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยได้ตระหนักถึงความจริงเกี่ยวกับหน้าที่ของตนได้ดีอยู่แล้ว โดยจะเห็นได้ว่าต่อมาจำเลยได้มีบันทึก ลับ-ด่วนมาก ที่ มท.5700/2672ลงวันที่ 18 กันยายน 2527 เรื่อง ขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมจากสภาพแรงงานการประปา ถึงผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ซึ่งโจทก์ได้ส่งอ้างไว้ตามภาพถ่ายเอกสาร สารบาญอันดับ 25 มีข้อความว่า โดยข้อตกลงระหว่างการประปาส่วนภูมิภาคกับสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคให้มีการแต่งตั้งผู้แทนสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคร่วมเป็นกรรมการสอบสวนวินัยพนักงาน ในกรณีเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค ดังนั้น ในทุกครั้งการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ขอให้ออกหนังสือแจ้งสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคให้ส่งรายชื่อผู้แทนร่วมเป็นกรรมการสอบสวน ทุกกรณีที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาคทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดังนั้น คำสั่งของจำเลยที่ 55/2527เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ลงวันที่ 31 มกราคม 2527ตามเอกสารหมาย ล.4 เพื่อทำการสอบสวนโจทก์ จึงเป็นคำสั่งที่ขัดต่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างการประปาส่วนภูมิภาคกับสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2525 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3ข้อ 3 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบและกรณีต้องถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมีการสอบสวนที่ไม่ชอบอันเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ต่อไป ส่วนกรณีที่มีเหตุสมควรที่จำเลยจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือไม่ และการที่จำเลยจะต้องชำระเงินตามคำขอของโจทก์หรือไม่ จำนวนเท่าใดนั้น เป็นข้อเท็จจริงซึ่งชอบที่ศาลแรงงานกลางจะได้วินิจฉัยต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาว่าสมควรรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือไม่ และสมควรบังคับจำเลยจ่ายเงินต่าง ๆ ตามคำขอของโจทก์หรือไม่ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี”.

Share