แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วันที่ 13 พฤษภาคม 2506 จำเลยได้ร่วมกันออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ ว่าจะใช้เงิน 390,000 บาท เมื่อโจทก์ทวงถาม ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2511 โจทก์มอบให้ทนายทวงถามจำเลยและวันที่ 25 กรกฎาคม 2511 โจทก์ยื่นฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนี้ต้องถือว่า วันที่โจทก์ทวงถามจำเลยให้ใช้เงินเป็นวันเริ่มต้นกำหนดใช้เงิน ฉะนั้นเมื่อนับจากวันที่โจทก์ทวงถามจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 3 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาด อายุความ(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 32/2514)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2506 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ว่าจะใช้เงิน 390,000 บาทเมื่อโจทก์เรียกร้องทวงถาม โดยกำหนดสถานที่ใช้เงินในจังหวัดพระนครต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2511 โจทก์มอบให้ทนายความทวงถามจำเลยที่ 1 ที่ 2 และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2511 ทวงถามจำเลยที่ 3 ให้จำเลยทั้งสามใช้เงินตามตั๋วดังกล่าวแก่โจทก์ภายใน 10 วัน จำเลยไม่ชำระ จึงต้องฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 390,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยออกให้โจทก์ โจทก์อาจทวงถามเรียกร้องให้ใช้เงินได้ทันทีในวันที่13 พฤษภาคม 2506 นั้นเอง เมื่อโจทก์ไม่ฟ้องภายใน 3 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 แถลงร่วมกันขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายประเด็นเดียวว่าตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องขาดอายุความหรือไม่โดยต่างไม่สืบพยาน ถ้าไม่ขาดอายุความจำเลยทั้งสองยอมใช้เงินตามฟ้องถ้าขาดอายุความ ให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ 390,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามฟ้อง ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เพราะโจทก์ยังไม่ได้ทวงถามตามที่กำหนดไว้ในตั๋วเงิน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องขาดอายุความ 3 ปีแล้วนับแต่วันออกตั๋ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001, 169
ปัญหาจึงมีว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินรายพิพาทนี้ถึงกำหนดใช้เงินเมื่อใดตามมาตรา 913(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติวันถึงกำหนดใช้เงินไว้ว่า “เมื่อทวงถาม หรือ เมื่อได้เห็น” ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “เมื่อทวงถาม หรือ เมื่อได้เห็น” ได้ใช้คำว่า “หรือ” คั่นกลางระหว่างคำทั้งสองนี้ซึ่งแสดงความหมายว่า วันถึงกำหนดใช้เงินเมื่อทวงถาม กับ เมื่อได้เห็น นั้นแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ให้ใช้เงินเมื่อทวงถามจึงมีความหมายและผลบังคับแตกต่างกับตั๋วสัญญาใช้เงินเมื่อได้เห็น มาตรา 1001แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่าในคดีฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาสามปีนับแต่วันตั๋วนั้น ๆ ถึงกำหนดใช้เงิน ดังนั้นจึงต้องถือว่า วันที่โจทก์ทวงถามจำเลยให้ใช้เงินตามตั๋วนี้เป็นวันเริ่มต้นถึงกำหนดใช้เงิน เพราะก่อนวันที่โจทก์ทวงถาม จำเลยยังไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในการใช้เงินตามตั๋วพิพาทนี้ เพียงแต่ว่าโจทก์มีสิทธิจะเรียกร้องทวงถามให้ใช้เงินได้ทันที ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า เมื่อคดีฟังได้ว่า นับแต่วันโจทก์ทวงถามให้ใช้เงินจนถึงวันฟ้องยังไม่เกินสามปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน