คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4021/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ห้างฯ ศ. ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คจนศาลออกหมายจับโจทก์ หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกไปพบโจทก์แจ้งว่ามีหมายจับโจทก์ หากโจทก์ไม่ชำระหนี้ ก็จะจับโจทก์ตามหมายจับ เมื่อโจทก์นำทรัพย์สินมามอบให้จำเลยหรือนำเงินมาชำระ จำเลยก็ทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ทุกครั้งพฤติการณ์เป็นเรื่องจำเลยทั้งสองไปติดตามเร่งรัดหนี้สินจากโจทก์ตามที่บริษัทของจำเลยได้รับมอบหมาย การที่จำเลยทั้งสองกับพวกพูดขู่โจทก์ว่า หากไม่ชำระหนี้หรือไม่ไปตกลงเรื่องหนี้สินจะจับโจทก์ตามหมายจับ เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337, 83, 91 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ4 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุกคนละ 8 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เบิกความยอมรับว่าโจทก์เป็นหนี้ค่าสินค้าห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีธนโอโต ห้างดังกล่าวได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลแขวงพระนครใต้ได้ออกหมายจับโจทก์ วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับพวกไปพบโจทก์อ้างว่ามีหมายจับ หากโจทก์ไม่ชำระหนี้ก็จะจับโจทก์ตามหมายจับ โจทก์จำเลยเจรจาเกี่ยวกับหนี้สินระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีธนโอโต เมื่อโจทก์นำทรัพย์สินมามอบให้จำเลยหรือนำเงินมาชำระ จำเลยก็ทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ทุกครั้ง ซึ่งจำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัทสยามบิสซิเนส แอนด์ ดีเทคทีพ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเร่งรัดหนี้สินนายเกษม ลิ้มวิไลรัตนา ผู้รับมอบอำนาจห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีธนโอโต จำกัด ได้มอบหมายจับโจทก์ให้บริษัทดำเนินการ รูปคดีมีเหตุเชื่อว่า จำเลยทั้งสองไปติดตามเร่งรัดหนี้สินจากโจทก์ตามที่บริษัทของจำเลยได้รับมอบหมาย การที่จำเลยทั้งสองกับพวกขู่โจทก์ว่า หากไม่ชำระหนี้หรือไม่ไปตกลงเรื่องหนี้สินจะจับโจทก์ตามหมายจับ เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญโจทก์อันเข้าลักษณะความผิดฐานกรรโชก
พิพากษายืน

Share