แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 อ้างเหตุว่าอาจชนะคดีโจทก์เพราะโจทก์ฟ้องให้ชำระเงินกู้มิได้ฟ้องบังคับจำนอง จะต้องฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุไว้ชัดแล้วว่าฟ้องบังคับจำนองด้วย จึงเป็นข้ออ้างที่ไร้สาระ ส่วนคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 2 ที่ระบุว่า หากจำเลยที่ 2 มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วจะต้องชนะคดีโจทก์ แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนอง จำเลยที่ 2 ก็ไม่ควรต้องรับผิดเกินกว่า 600,000 บาทตามที่ระบุไว้ในสัญญาจำนอง ก็เป็นข้ออ้างลอย ๆ ไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไรคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองถือไม่ได้ว่าได้แสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้ง จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ให้บังคับจำนองเอากับทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นและจำเลยที่ 2 นำมาจำนองค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ไว้กับโจทก์หรือยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วนจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 ที่จำนองค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 นำออกประกาศขายทอดตลาด โจทก์ขอเลื่อนการขายทอดตลาดรวม 7 ครั้งโดย 3 ครั้งแรกอ้างว่าจำเลยทั้งสองนำเงินมาผ่อนชำระหนี้และ 4 ครั้งหลังไม่มีผู้ซื้อและจำเลยทั้งสองขอผ่อนชำระหนี้จำเลยที่ 2 ขอเลื่อนการขาย 1 ครั้ง อ้างว่ากำลังจะได้เงินมาชำระหนี้ไถ่จำนอง ในวันขายทอดตลาดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปตามคำร้องของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาในชั้นฎีกาเพียงข้อเดียวว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ได้ระบุข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นโดยละเอียดชัดแจ้งหรือไม่ ตามคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1ระบุว่า ศาลพิพากษาให้ใช้เงินแก่โจทก์ จึงคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงหากให้โอกาสแก่จำเลยที่ 1 นำพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี จำเลยที่ 1อาจชนะคดีได้เพราะโจทก์ฟ้องให้ชำระเงินกู้ ไม่ใช่ฟ้องให้บังคับจำนองจึงต้องฟ้องที่กรุงเทพมหานคร ส่วนคำขอของจำเลยที่ 2 ระบุว่าหากจำเลยที่ 2 มีโอกาสสู้คดีแล้วจำเลยที่ 2 จะต้องชนะคดีโจทก์ แม้จะฟังว่า จำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนองจริง แต่จำเลยที่ 2ก็ไม่ควรจะต้องรับผิดเกินกว่า 600,000 บาท ตามที่ระบุไว้ในสัญญาจำนอง เห็นว่าตามคำขอของจำเลยที่ 1 อ้างเหตุว่าอาจชนะคดีโจทก์ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องบังคับจำนอง จะต้องฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุไว้ชัดแล้วว่าฟ้องบังคับจำนองด้วย จึงเป็นข้ออ้างที่ไร้สาระ ส่วนข้ออ้างของจำเลยที่ 2ที่ว่าจะต้องชนะคดีโจทก์ก็เป็นข้ออ้างลอย ๆ ไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไรดังนั้นคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองถือไม่ได้ว่าได้แสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งจึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคำร้องของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว”
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 500บาทแทนโจทก์