คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4005/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้า ผลิต ซื้อ ขายซีเมนต์ โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนพิพาท การที่โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทบางหลัง เป็นที่ทำงานฝ่ายบริหารติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่และทำนิติกรรมสัญญา บางหลังเป็นห้องรับประทานอาหารของพนักงานของโจทก์บางหลังเป็นที่ติดตั้งเครื่องทำความเย็น และบางหลังเป็นโรงจอดรถของพนักงานของโจทก์นั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่ เฝ้ารักษาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2475 มาตรา 3 โจทก์จึงมิได้รับงดเว้นการเสียภาษีโรงเรือนตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2528)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของอาคารได้ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี พ.ศ. 2523 ต่อเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 สำหรับอาคาร 5 หลัง โดยของดเว้นภาษีในรายการที่โจทก์ใช้อาคารเป็นสำนักงานฝ่ายบริหารและติดต่อธุรกิจของโจทก์เอง อาคารที่ใช้เป็นห้องรับประทานอาหารสำหรับพนักงานของโจทก์เอง ที่ใช้ติดตั้งเครื่องทำความเย็นสำหรับอาคารต่าง ๆ ของโจทก์ และที่ใช้เป็นโรงรถสำหรับพนักงานของโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์เสียภาษีทุกรายการโดยไม่งดเว้น โจทก์ได้นำเงินไปชำระแก่จำเลยที่ 1 แล้วจำนวน 295,622.29 บาท โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 2 ขอให้พิจารณาการประเมินใหม่โดยของดเว้นบางรายการที่กล่าวข้างต้น แต่จำเลยที่ 2 มีคำสั่งยืนตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง การประเมินและคำชี้ขาดดังกล่าวไม่ชอบเพราะโจทก์ใช้อยู่เองจึงได้รับงดเว้นภาษี จำเลยทั้งสองจะต้องคืนเงินที่ชำระเกินไปให้แก่โจทก์171,040.96 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยถึงวันฟ้องอีก 25,149.47 บาท ขอให้เพิกถอนการประเมินเรียกเก็บภาษีโรงเรือนของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนใบแจ้งคำชี้ขาดคำร้องขอพิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนของจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยทั้งสองคืนเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ใช้โรงเรือนตามฟ้องเป็นสถานที่ดำเนินการประกอบอุตสาหกรรมและประกอบกิจการค้าตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ มิใช่โรงเรือนที่เจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา การใช้โรงเรือนของโจทก์จึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะได้รับการงดเว้นภาษีโรงเรือน การประเมินทุกรายการของเจ้าหน้าที่ จำเลยที่ 1 และการวินิจฉัยชี้ขาดของจำเลยที่ 2 จึงชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โรงเรือนของโจทก์ใช้ประกอบอุตสาหกรรมการแจ้งการประเมินและคำชี้ขาดของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนของจำเลยที่ 1 ตามแบบแจ้งการประเมินลงวันที่ 23 มิถุนายน 2523เฉพาะที่เกี่ยวกับอาคารโรงเรือนที่พิพาทในคดีนี้ ให้เพิกถอนใบแจ้งคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2524 เฉพาะที่เกี่ยวกับอาคารโรงเรือนที่พิพาทในคดีนี้ กับให้จำเลยที่ 1 คืนเงิน 171,040.96 บาทแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เข้าอยู่ในอาคารพิพาทเองตามเจตนารมณ์และความหมายของมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475 มาตรา 3

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้า ผลิต ซื้อ ขายซีเมนต์ โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนพิพาทโจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทบางหลังเป็นที่ทำงานฝ่ายบริหารติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่และทำนิติกรรมสัญญา บางหลังเป็นห้องรับประทานอาหารของพนักงานของโจทก์ บางหลังเป็นที่ติดตั้งเครื่องทำความเย็นสำหรับอาคารต่าง ๆ ของโจทก์ บางหลังเป็นโรงจอดรถของพนักงานของโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ได้แจ้งรายการประเมินให้โจทก์เสียภาษีโรงเรือนสำหรับโรงเรือนพิพาททั้ง 4 รายการพร้อมกับโรงเรือนที่โจทก์ให้ผู้อื่นใช้หรือเช่าสำหรับ พ.ศ. 2523 รวม 285,622.29 บาท ตามเอกสารหมาย จ.16 โจทก์ยื่นคำร้อง ขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 2 พิจารณาแล้วมีคำสั่งยืนตามแบบแจ้งการประเมินโจทก์จึงชำระภาษีโรงเรือนจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยที่ 1 ไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2523 เฉพาะโรงเรือนรายพิพาท 4 รายการที่โจทก์ถือว่าได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือนเป็นเงิน 171,040.96 บาท คดีมีปัญหาว่าโรงเรือนพิพาทของโจทก์ได้รับงดเว้นการเสียภาษีโรงเรือนหรือไม่

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การที่โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทบางหลังเป็นที่ทำงานฝ่ายบริหารติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่และทำนิติกรรมสัญญา บางหลังเป็นห้องรับประทานอาหารของพนักงานของโจทก์ บางหลังเป็นที่ติดตั้งเครื่องทำความเย็น และบางหลังเป็นโรงจอดรถของพนักงานของโจทก์นั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 โจทก์จึงมิได้รับงดเว้นการเสียภาษีโรงเรือนตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share