คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4004/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกหนี้อุทธรณ์โต้แย้งว่า ลูกหนี้มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินไม่ต้องล้มละลาย มิได้อุทธรณ์ว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ตรงกับรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลไม่ตรงกับมติที่ประชุมเจ้าหนี้หรือไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหนี้ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 61 จึงมิใช่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เป็นการโต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดี มีสภาพบังคับและมีความหมายเช่นเดียวกับคำพิพากษา ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 6 เมื่อลูกหนี้ประสงค์จะโต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ก็ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับแต่วันอ่านคำสั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 1,000,000 บาท แล้วจำเลยหลบหนีและขนย้ายทรัพย์สินไปเสียจากภูมิลำเนา ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เมื่อวันที่ 28ธันวาคม 2524 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 14ต่อมาวันที่ 8 มีนาคม 2526 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลชั้นต้นว่าในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ของลูกหนี้ และขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายต่อไป

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 61

ลูกหนี้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ลูกหนี้อุทธรณ์ว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินจึงมิใช่เป็นบุคคลล้มละลาย จะต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อุทธรณ์ของลูกหนี้จึงขาดอายุความอุทธรณ์ พิพากษายกอุทธรณ์ของลูกหนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ลูกหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่ลูกหนี้ฎีกาว่าลูกหนี้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่า ในชั้นอุทธรณ์ลูกหนี้โต้แย้งแต่เพียงว่า ลูกหนี้มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน ไม่ต้องล้มละลายแต่ประการเดียว มิได้อุทธรณ์ในข้อที่ว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ตรงกับรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลไม่ตรงกับมติที่ประชุมเจ้าหนี้หรือไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหนี้ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 61 จึงมิใช่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่กลับเป็นการโต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และเป็นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ไม่แจ้งชัดอีกด้วย ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153 อย่างไรก็ดี การอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวก็ต้องปฏิบัติอย่างเดียวกับการโต้แย้งคำพิพากษา เนื่องจากคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดี มีสภาพบังคับและมีความหมายเช่นเดียวกันกับคำพิพากษาตามนัยแห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 6 เมื่อลูกหนี้ประสงค์จะโต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำสั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 153 คดีนี้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดและอ่านคำสั่งให้ลูกหนี้ฟังเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2524 ลูกหนี้อุทธรณ์เมื่อวันที่ 12พฤษภาคม 2526 เกินกว่า 1 เดือน คดีของลูกหนี้จึงขาดอายุอุทธรณ์ ฎีกาข้ออื่นของลูกหนี้ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share