แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อความในหนังสือมอบอำนาจระบุชัดว่าให้ยื่นฟ้อง “อธิบดีกรมที่ดิน” โดยเฉพาะข้อความต่อไปที่ว่า ‘ในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่’ และ ‘ ได้ปฏิบัติและละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ไปในทางมิชอบในขณะที่ ดำรงตำแหน่งอยู่’ แสดงให้เห็นว่าให้ยื่นฟ้องบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมที่ดิน ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่าประสงค์ให้ฟ้องกรมที่ดิน ในฐานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งต้องรับผิดในความเสียหายที่ผู้จัดการหรือ ผู้แทนอื่น ๆ ได้ก่อให้เกิดขึ้นที่โจทก์อ้าง ว่ามีเจตนาให้ฟ้องกรมที่ดินนั้น เห็นว่าความดังกล่าวแปลได้เพียงว่าเป็นการมอบอำนาจให้ฟ้อง ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินในฐานะตำแหน่งหน้าที่ราชการเท่านั้น ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้องกรมที่ดิน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายวิรัตน์ มีบุบผา ฟ้องคดีนี้จำเลยที่ ๑ รับราชการสังกัดกรมที่ดิน ตำแหน่งที่ดินอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จำเลยที่ ๒ รับราชการสังกัดกรมการปกครอง ตำแหน่งนายอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จำเลยที่ ๓ เป็นกรมสังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นนิติบุคคล จากการปฏิบัติหน้าที่ราชการของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายที่ดินแทนจำเลยที่ ๓ ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยรับจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำนวน ๔ แปลงให้แก่โจทก์ผู้ซื้อกับเจ้าของที่ดินผู้ขาย แล้วต่อมาทางอำเภอบางละมุงได้มีหนังสือแจ้งมายังโจทก์ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งสี่แปลงดังกล่าวว่าออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของกรมที่ดิน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายที่ได้ชำระค่าที่ดินให้ผู้ขายไป ๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและใช้ความระมัดระวังตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ได้ลงนามในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบางละมุง เสนอมาตามระเบียบแบบแผนที่เคยปฏิบัติไม่ได้ประมาทเลินเล่อ
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า ตามหนังสือมอบอำนาจไม่ปรากฏว่าให้ฟ้องจำเลยที่ ๓ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ มิได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ และมิได้เป็นตัวแทนตัวการกัน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า หนังสือมอบอำนาจระบุมอบอำนาจให้ฟ้องอธิบดีกรมที่ดินหาได้ระบุให้ฟ้องกรมที่ดินจำเลยที่ ๓ ไม่ และจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มิได้ประมาทเลินเล่อพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.๑ มีข้อความว่า”ขอมอบอำนาจให้นายวิรัตน์ มีบุบผา ยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินค่าซื้อที่ดินตาม น.ส.๓ ก. ดังกล่าวข้างต้นคืนจาก (๑) นายอนุชัย ดุลยประศาสน์ ที่ดินอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี (๒) นายอุทัย ใจหงษ์ นายอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี (๓) อธิบดีกรมที่ดิน กรุงเทพมหานคร รวม ๓ คน ในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่จัดการดูแลกิจการและรักษาทะเบียนที่ดิน กับกิจการอื่น ๆ เกี่ยวกับการทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ถูกต้องตามระเบียบและเป็นไปตามกฎหมายที่ดิน ได้ปฏิบัติและละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ไปในทางมิชอบในขณะดำรงตำแหน่งอยู่ ในขณะที่ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้กระทำการปฏิบัติหน้าที่ไปด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” เห็นว่า ข้อความในหนังสือมอบอำนาจระบุชัดว่าให้ยื่นฟ้อง”อธิบดีกรมที่ดิน” โดยเฉพาะข้อความต่อไปที่ว่า “ในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่”และ “ได้ปฏิบัติและละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ไปในทางมิชอบในขณะดำรงตำแหน่งอยู่” แสดงให้เห็นว่าให้ยื่นฟ้องบุคคลที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่าความประสงค์ให้ฟ้องกรมที่ดินในฐานะเป็นนิติบุคคลซึ่งต้องรับผิดในความเสียหายที่ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ได้ก่อให้เกิดขึ้น ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าหนังสือมอบอำนาจได้ระบุชื่อ นามสกุล จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ชัดแจ้ง แต่สำหรับจำเลยที่ ๓ คงระบุเพียงว่า “อธิบดีกรมที่ดิน” แสดงว่าโจทก์มีเจตนาให้ฟ้องกรมที่ดิน นั้นเห็นว่า ความดังกล่าวแปลได้เพียงว่าเป็นการมอบอำนาจให้ฟ้องผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินในฐานะตำแหน่งหน้าที่ทางราชการเท่านั้น ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้องกรมที่ดินเป็นจำเลยที่ ๓ ได้
พิพากษายืน