คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพูดกับเด็กที่เก็บแหวนตกได้ว่า จะนำแหวนที่เก็บได้นั้นไปให้พ่อแม่เด็ก แล้วจำเลยเบียดบังเอาเสียเองเมื่อถูกทวงจำเลยก็ว่าเป็นแหวนไม่ดีนั้น เป็นผิดฐานยักยอก ผู้เก็บของตกได้ ย่อมมีสิทธิ์ดีกว่าบุคคลอื่น เว้นแต่เจ้าของอันแท้จริง ฉะนั้นผู้เก็บของตกได้จึงมีสิทธิ์มอบคดีให้เจ้าพนักงานฟ้องร้อง จำเลยผุ้ยักยอกของนั้นไปอีกทอดหนึ่งได้

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เด็กชายเสริมเก็บแหวนได้ จำเลยขอดูแล้วว่า ” มึงอย่าเอาไปเลยกูจะเอาไปให้พ่อแม่มึง ” เด็กชายเสริมก็มอบแหวนให้จำเลยไป จำเลยเอาแหวนนั้นไว้เสียไม่ได้เอาไปใก้พ่อแม่เด็กชายเสริม ๆ ได้ไปทวงแหวนที่ จำเลย ๆ ว่า แหวนนากไม่ดีไม่เด่อะไร จำเลยไม่ได้คืนแหวนให้เด็กชายเสริมโจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๑๔
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยได้ยักยอกแหวนไปจากเด็กชายเสริม จึง พิพากษาลงโทษ จำเลยตาม กฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๔
จำเลย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่จำเลยพูดว่า ” มึงอย่าเอาไปเลย กูจะเอาไปให้พ่อแม่มึง ” นั้นเห็นได้ชัดว่าจำเลยหลอกเอาแหวนเด็ก เด็กมอบความยึดถือให้เพราะหลงเชื่อความเท็จจำเลย เป็นการฉ้อโกง ไม่ใช่ยักยอก จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยพูดว่าจะเอาแหวนไปให้พ่อแม่เด็กชายเสริมนั้น จำเลยอาจตั้งในเอาแหวนไปให้จริง ๆ ก็ได้ซึ่งไม่เป็นการกล่าวเท็จหลอกลวง ถ้าจำเลยกล่าวว่าพ่อแม่เด็กชายเสริมให้จำเลยมาเอาแหวนไปดังนี้จึงจะเป็นการหลอกลวง เมื่อเด็กชายเสริมไปทวง จำเลยว่าแหวนนากไม่ดีไม่เด่อะไรแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้คิดทุจริตเบียดบังภายหลัง การกระของจำเลยจึงเป็นผิดฐานยักยอก ส่วนที่ จำเลยกล่าว่า เด็กชายเสริมเก็บแหวนได้มิได้นำไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานเด็กชายเสริมต้องมีผิดตามกฎหมาย จึงเห็น ได้ว่าแหวนนั้นมิใช่ของเด็กขายเสริมโดยชอบด้วย กฎหมาย เด็กชายเสริมไม่มีอำนาจมอบคดีให้เจ้าพนักงานง้องร้อง ศาลนี้เห็นว่า ผู้ใดเก็บของตกได้ย่อมมีสิทธิ์ดีกว่าผุ้อื่น เว้นแต่เจ้าของอันแท้จริง ฉะนั้นเด็กขายเสริมย่อมมีอำนาจมอบคดีให้เจ้าพนักงานฟ้องร้องจำเลยได้ พิพากษากลับคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยยืนตาม ศาลชั้นต้น

Share