คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลงวันเสาร์แรม 13 ค่ำ เดือน 3 ปีฉลู จ.ส. 1215, ข้อความที่จำเลยกล่าวว่า “พระเซ็งจับข้อมือนางเง็กกอดขึ้นนั่งบนตัก” ต่อหน้าที่ประชุมพระสงค์และครีหัสถือได้ว่าเปนการกล่าวอ้างอันอาดแลเห็นผลแห่งการกล่าวนั้นได้ว่าอาดทำไห้โจท+ชื่อเสียงและทำไห้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังโจทเปนการกะทำโดยเจรนาไนความผิดถานหมิ่นประมาทแล้ว.

ย่อยาว

ข้อเท็ดจิงฟังได้ว่า ไหวันเกิดเหตุได้มีการประชุมพระสงค์ราว ๑๐ องค์ ครีหัสราว ๒๐ คน ที่วัดนอกยางขุนไซ นางเกิดพูดขึ้นว่า ไครจะพูดอะไรก็พูดขึ้นวันนี้เปนวันสำคัน นายสานจำเลยก็พูดขึ้นว่า “พระเซ็งจับข้อมือนางเง็กกอดขึ้นนั่งบนตัก” พระเซ็งถามขึ้นว่า “โยมน้าสานเห็นฉันที่ไหน เมื่อไร คืนไหน วันไหน ขอไห้พูดมา” นายไหย่จำเลยก็พูดขึ้นว่า “ผมสองคนนี้ ไม่เห็น แต่ได้ยินนายเท้าพี่ชายนางเง็กพูด คุนจะเอาพยานก็ได้ ไห้รอประเดี๋ยว” แล้วนายไหย่ก็ไห้กำนันผิดจัดคนไปตามนายเท้ามานายอินไปตามแล้วกลับมาบอกว่าไม่พบ กำนันผิดก็เลยบอกเลิกประชุม
สาลชั้นต้น พิจารนาแล้วพิพากสาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๘๒ ไห้ปรับนายสานจำเลย ๖๐ บาท นายไหย่จำเลย ๔๐ บาท
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์วินิฉัยว่า พยานหลักถานโจทยังไม่เพียงพอ หากจะฟังว่าจำเลยได้กล่าวข้องความตามฟ้อง จำเลยก็กะทำไปด้วยความหวังดี ไม่มีเจตนาจะไส่ความหมิ่นประมาทโจท และจำเลยได้กะทำตามหน้าที่ตามกดหมายคือ พ.ร.บ. รัชกาลที่ ๔ พิพากสากลับไห้ยกฟ้องโจท
โจทกดีกา สาลดีกาได้พร้อมกันปรึกสาเห็นว่าจำเลยได้กล่าวข้อความอันอาดจะแลเห็นผลได้ว่า เปนการไส่ความไห้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียกชังโจท และทำไห้โจทเสียชื่อจิง ส่วนข้อที่สาลอุธรน์เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะไส่ความหมิ่นประมาทโจทนั้น สาลดีกาเห็นว่าตามรูปการน์บ่งได้ชัดว่า จำเลยได้ตั้งไจกล่าวถ้อยคำนั้นโดยการอ้างถึงข้อเท็ดจิงอันอาดแลเห็นผลแห่งการกล่าวนั้นได้ว่าอาดทำไห้โจทเสียชื่อเสียง และทำไห้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียกชังโจท เปนการกะทำโดยเจตนาเต็มตามบทบัญญัติแห่งกดหมายอาญา ส่วน พ.ร.บ. รัชกาลที่ ๔ เปนเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการกะทำของจำเลยไนกรนีนี้ จึงพิพากสากลับ ไห้ลงโทสจำเลยตามคำพิพากสาศาลชั้นต้น

Share