คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3989/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยใช้กำลังชก ต่อย เตะร่างกายและศีรษะของผู้เสียหาย จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม แต่คำขอท้ายฟ้องไม่ได้อ้างมาตรา 391 ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย จึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 158 (6) เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ศาลจะลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้ แม้คู่ความมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองพก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับจำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนลูกซองขนาดเดียวกันไม่ทราบจำนวนแน่ชัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและพาติดตัวไปตามถนนจรดวิถีถ่อง บริเวณร้านอาหารอามิคาราโอเกะ อันเป็นทางสาธารณะและชุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการรื่นเริงโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัว เมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนดังกล่าวจี้หน้าอกนายมณฑล ผู้เสียหายที่ 1 และจี้ขมับซ้ายของพลทหารนพวงศ์ ผู้เสียหายที่ 2 พร้อมกับขู่ผู้เสียหายทั้งสองให้อยู่เฉยๆ มิให้ขัดขืนอันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองให้ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด ด้วยการทำให้ผู้เสียหายทั้งสองกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพ โดยจำเลยกับพวกจะใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสอง จนผู้เสียหายทั้งสองผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการตามจำเลยกับพวก ไม่กล้าขัดขืน หลังจากนั้นจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสอง โดยใช้กำลังชก ต่อย เตะร่างการและศีรษะของผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีวามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 371 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 วางโทษฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธ จำคุก เดือน และปรับ 5,000 บาท ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ปรับ 500 บาท ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 9 เดือน และปรับ 25,500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 เดือน 15 วัน และปรับ 12,750 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือน และให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 371, 391 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง ฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธกับฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, จำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานร่วมกันมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นจำคุก 1 ปี 9 เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 เดือน 15 วัน ไม่รอการลงโทษไม่ปรับและไม่คุมความประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาโดยรอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า จำเลยร่วมกับพวกมีและพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปที่เกิดเหตุซึ่งเป็นในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ และเป็นชุมนุมชนที่จัดให้มีเพื่อการรื่นเริงโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และจำเลยกับพวกยังร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสองให้ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดทั้งยังร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสอง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่หายหรือจิตใจ ลักษณะการกระทำความผิดของจำเลยเป็นไปโดยอุกอาจไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยกระทำผิดใดๆ มาก่อน หรือมีเหตุอื่นดังที่จำเลยอ้างในฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อลงโทษสถานเบาโดยรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย การใช้ดุลพินิจกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 6 เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสอง โดยใช้กำลังชก ต่อย เตะร่างกายและศีรษะของผู้เสียหายทั้งสอง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม แต่คำขอท้ายฟ้องไม่ได้อ้างมาตรา 391 ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำความผิดฐานนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้แม้คู่ความมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share