คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3983/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทำละเมิดสิทธิ์ต่อโจทก์ การที่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายจำเลยใช้สิทธิตามที่กฎหมายวิธีพิจารณาความตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้นมิได้หมายความว่าหลังจากใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าวแล้วฝ่ายจำเลยจะต้องทำละเมิดลิขสิทธิ์ของฝ่ายโจทก์ตลอดมา เพราะฝ่ายจำเลยอาจไม่กล้าเสี่ยงที่จะดำเนินธุรกิจที่มีข้อพิพาทนี้ต่อไปหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีนี้แล้วก็เป็นได้ ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยยังคงทำละเมิดต่อโจทก์ตลอดมาและได้หยุดกระทำละเมิด ณ วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษาให้จำเลยหยุดกระทำละเมิดต่อโจทก์ จึงไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีนั้น จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่ที่ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยหยุดการทำละเมิด ณ วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกามาด้วยนั้นยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๖ ถึงที่ ๑๓ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ เป็นเงินจำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท กับค่าเสียหายรายเดือนอีกเดือนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท และให้จำเลยดังกล่าวใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ เป็นเงินจำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท กับค่าเสียหายรายเดือนอีกเดือนละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าเสียหายรายเดือน ให้ชำระหนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๒๘ จนกว่าจำเลยดังกล่าวจะหยุดการทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่ ให้จำเลยดังกล่าวชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินจำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ และในต้นเงินจำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๑ และที่ ๔ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยดังกล่าวหยุดการทำละเมิด (ลิขสิทธิ์) ในแบบปากกาแคนดี้ คอมแพคและปากกาแลนเซอร์ คาเดท ของโจทก์ทั้งสี่ และให้จำเลยที่ ๑ หยุดจำหน่ายปากกาจ๊อตจอย และปากกาติ้กแต๊ก โจทก์ทั้งสี่ จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ และที่ ๗ ถึงที่ ๑๓ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๑๑ ที่ ๑๒ และที่ ๑๓ หยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบปากกาแคนดี้ คอมแพค ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๑๑ หยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบปากกาแลนเซอร์ คาเดท ให้จำเลยที่ ๑ หยุดการจำหน่ายปากกาจ๊อตจอยและติ๊กแต๊ก ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๑๑ ที่ ๑๒ และที่ ๑๓ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงินจำนวน ๑,๑๒๗,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะชำระเสร็จ และร่วมกันใช้ค่าเสียหายรายเดือนแก่โจทก์ที่ ๑ เดือนละ ๘๔,๔๒๗ บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะหยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบปากกาแคนดี้ คอมแพค ของโจทก์ที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๑๑ ที่ ๑๒ และที่ ๑๓ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๒ จำนวน ๓,๘๙๕,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะชำระเสร็จ และร่วมกันใช้ค่าเสียหายรายเดือนแก่โจทก์ที่ ๒ เดือนละ ๖๓,๗๕๑ บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะหยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบปากกาแคนดี้ คอมแพค ของโจทก์ที่ ๒ ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๑๑ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงินจำนวน ๑๕๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะชำระเสร็จ และร่วมกันใช้ค่าเสียหายรายเดือนแก่โจทก์ที่ ๑ เดือนละ ๑๐,๗๖๔ บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะหยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบปากกาแลนเซอร์ คาเดท ของโจทก์ที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๑๑ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๔ เป็นเงินจำนวน ๑๕๓,๓๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และร่วมกันใช้ค่าเสียหายรายเดือนแก่โจทก์ที่ ๔ เดือนละ ๑,๖๕๖ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยดังกล่าวจะหยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบปากกาแลนเซอร์ คาเดท ของโจทก์ที่ ๔ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๑๑ ถึงที่ ๑๓ ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์ทั้งสี่จึงขอให้บังคับคดีแก่จำเลยดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๐ ต่อศาลชั้นต้นอ้างว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ได้หยุดการทำละเมิดต่อลิขสิทธิ์ของฝ่ายโจทก์สำหรับปากกาติ๊กแต๊กหลังจากวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๒ แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่การเงินของศาลชั้นต้นคำนวณค่าเสียหายรายเดือนตามคำพิพากษาศาลฎีกาใหม่ เพื่อจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จะได้นำเงินมาวางศาลต่อไป โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ยื่นคำแถลงคัดค้านฉบับลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๐ ขอให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ใช้ค่าเสียหายรายเดือนแก่โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ นับแต่วันฟ้องจนถึงวันหยุดการทำละเมิดคือวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๘ ในวันนัดพร้อมเพื่อสอบถามยอดหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา คู่ความทั้งสองฝ่ายต่างแถลงยืนยันข้อเท็จจริงตามคำแถลงของตน…
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่า จำเลยดังกล่าวทำละเมิดลิขสิทธิ์ จำเลยดังกล่าวได้ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ย่อมแสดงว่าฝ่ายจำเลยยังมิได้ยอมรับในผลแห่งคำพิพากษาของศาลชั้นต้น อีกทั้งต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ฝ่ายจำเลยก็ยังมิได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ต่อโจทก์ เมื่อฝ่ายโจทก์ยื่นฎีกา ฝ่ายจำเลยก็ยังยื่นคำแก้ฎีกาว่ามิได้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ อันควรจะรับฟังว่าฝ่ายจำเลยได้หยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะด้วยการหยุดการผลิตหรือหยุดการจำหน่ายก่อนที่ศาลชั้นต้นจะอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ข้อเท็จจริงในชั้นนี้ฟังได้ว่า จำเลย (หมายถึงจำเลย ที่ ๑ และที่ ๓) ได้หยุดการทำละเมิด ณ วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นต้นไปโดยไม่จำต้องทำการไต่ส่วนพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ (ที่ถูกคำแถลงของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฉบับลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๐) แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่
โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นนี้คงมีปัญาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ว่า กรณีมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนคำแถลงของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฉบับลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๐ ก่อนมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ได้หยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ เมื่อใดหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ได้ยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๐ ต่อศาลชั้นต้นยืนยันว่าศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับระบุจำนวนเงินค่าเสียหายรายเดือนที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ต้องชำระไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ได้หยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ สำหรับปากกาติ๊กแต๊กหลังจากวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๒ แล้ว แต่โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ แถลงคัดค้านว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ เพิ่งหยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ของฝ่ายโจทก์เมื่อวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคือวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๘ เมื่อต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้างเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังเป็นที่ยุติอย่างหนึ่งอย่างใดได้ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดี ฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ฝ่ายโจทก์ยื่นฎีกา ฝ่ายจำเลยก็ยื่นคำแก้ฎีกาว่ามิได้ทำละเมิดลิขสิทธิ์ของฝ่ายโจทก์ จึงไม่มีเหตุผลที่จะฟังว่าฝ่ายจำเลยได้หยุดทำละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกานั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นอ้างดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นเหตุผลให้รับฟังว่าฝ่ายจำเลยเพิ่งหยุดทำละเมิดลิขสิทธิ์นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ฝ่ายจำเลยใช้สิทธิตามที่กฎหมายวิธีพิจารณาความบัญญัติไว้เท่านั้น มิได้หมายความว่าหลังจากใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าวแล้วฝ่ายจำเลยจะต้องทำละเมิดลิขสิทธิ์ของฝ่ายโจทก์ตลอดมา เพราะฝ่ายจำเลยอาจไม่กล้าเสี่ยงที่จะดำเนินธุรกิจที่มีข้อพิพาทนี้ต่อไปหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีนี้แล้วก็ได้ จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความเสียก่อน แล้วจึงมีคำสั่งในเรื่องนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีนั้น จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ หยุดการทำละเมิด ณ วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา (วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๘) มาด้วยนั้น ยังไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ หยุดการทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ณ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๘ อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นายปริญญา ดีผดุง ผู้ช่วยฯ
นายพิชญ์พงศ์ จันทะศรี ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายไมตรี ศรีอรุณ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share