แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่การกะทำผิดเกิดขึ้นคาบเกี่ยวกับสาลพลเรือนและสาลทหาน เมื่อไม่ปรากดแน่ชัดว่าเปนกรนีที่เกิดขึ้นพายไหเวลาที่บัญญัติว่าจะต้องดำเนินคดีทางสาลทหานเช่นนี้ ต้องนำคดีขึ้นสาลพลเรือน
ย่อยาว
โจทฟ้องและยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ ๑๕ กรกดาคม ๒๔๘๕ ถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๔๘๕ เวลาได้ไม่ปรากต จำเลยได้กะทำผิดกดหมายหลายบทหลายกะทงต่างกันต่างวาระกันขอไห้ลงโทสและเพิ่มโทสจำเลย.
จำเลยไห้การปติเสธและต่อสู้ว่าฟ้องโจทเคลือบคุลมไม่ระบุวันเวลาไห้ชัดเจน.
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาลงโทสจำเลย.
โจท จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์วินิฉัยว่าคดีนี้เกิดขึ้นไหระหว่างวันเวลาที่จะต้องดำเนินคดีไหสาลทหาน สาลพลเรือนหามีอำนาดรับคดีเรื่องนี้ไว้พิจารนาไม่ จึงไห้ยกคำพิพากสาสาลชั้นต้นเสีย ไม่รับฟ้องของโจทไว้พิจารนา.
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามประกาสไช้กดอัยการสึกลงวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๔ ประกอบกับประกาสของผู้บันชาการทหานสูงสุดออกตามความไหประกาสแก้ไขเพิ่มเติมการไช้กดอัยการสึกลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๔๘๕ (ฉบับที่ ๓) คดีอาญาทั้งหลายที่เกิดขึ้นไนเขตจังหวัดเชียงไหม่ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๔ เวลา ๒๐ ๔๕ นาลิกา เปนต้นไป จนถึงก่อนเวลา ๖.๐๐ นาลิกาของวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๔๘๕ จะต้องดำเนินคดีไหสาลทหาน.
สาลดีกาเห็นว่าแม้คดีนี้ วันเวลาที่โจทกล่าวหาว่าจำเลยกะทำผิดตกหยู่ไนระหว่างเวลาคาบเกี่ยวกันที่อาดต้องดำเนินคดีทางสาลทหานก็ดี แต่เมื่อไม่ปรากตแน่ชัดว่าเปนกรนีที่บังเกิดขึ้นพานไนเวลาที่บัญญัติว่าจะต้องดำเนินคดีทางสาลทหานซึ่งเปนเรื่องยกเว้นพิเสสดังนี้แล้ว คดีก็ต้องขึ้นสาลพลเรือน จึงพิพากสาไห้ย้อนสำนวนไปไห้สาลอุธรน์รับคดีไว้พิจารนาพิพากสาต่อไปตามกะบวนความ.