แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีพิจารณาความอาญาพรรณาฟ้อง หลักวินิจฉัยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อแร่โดยไม่ตรวจใบสุทธิแร่จะแปลฟ้องว่าหมายถึง ผู้ขายไม่มีใบสุทธิแร่ด้วยไม่ได้ ฎีกาอุทธรณ์สัญญาทางพระราชไมตรีระวางสยามกับอังกฤษข้อเท็จจริง จำเลยเป็นคนบังคับอังกฤษคู่ความฎีกาได้ฉะเพาะข้อกฎหมายควรริบของกลางหรือควรวางโทษหนักเบาเพียงไรนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ก.ขายแร่ให้บริษัท ย.เกินกว่าโควตที่เจ้าพนักงานอนุญาตไว้ในใบสุทธิแร่จำนวน ๑๐ หาบ ๑๑ ชั่ง จำเลยเป็นผู้จัดการบริษัทบังอาจซื้อแร่นั้นไว้โดยไม่ตรวจใบสุทธิแร่ แล้วจำเลยยังแสดงรายการเท็จในบัญชีของบริษัทอีกว่า เป็นแร่รับฝาก จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จำกัดแร่ดีบุก พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๑๔-๑๕-๓๐-๓๑ กะทง ๑ กับ พ.ร.บ.ทำเหมืองแร่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๑๙ อีกกะทง ๑ กับให้ริบแร่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์อ้าง ม.๑๔-๓๑ รวม ๆ มาเท่านั้นจะยก ๒ มาตรานี้ลงโทษจำเลยไม่ได้ จึงพิพากษาแก้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จำกัดแร่ดีบุก พ.ศ. ๒๔๗๔ ม.๑๔-๓๐ กับ พ.ร.บ.ทำเหมืองแร่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๑๙ ปรับ ๒๕๐
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ขัดในเรื่องซื้อแร่โดยไม่ตรวจใบสุทธิแร่เท่านั้น มิได้กล่าวเลยว่าผู้ขายไม่มีใบสุทธิแร่ดัง ม.+ ซึ่งความจริงผู้ขายอาจแสดงใบสุทธิแร่แก่จำเลย แต่จำเลยมิได้ตรวจดูก็เป็นได้ ฉะนั้นศาลจะแปลข้อความเกินฟ้องไม่ได้ ส่วนข้อฎีกาควรริบแร่หรือควรวางโทษหนักเบาเพียงไรนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลมิใช่ปัญหาข้อกฏหมาย ฎีกาจึงต้องห้ามตามสัญญาทางพระราชไมตรี