แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันลักตัดฟันต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เมื่อได้ความเพียงว่า ที่ดินนั้นโจทก์จำเลยได้เคยนำเจ้าพนักงานรังวัดเถียงสิทธิครอบครองกันอยู่ดังนี้ ศาลไม่ควรงดสืบพยานโจทก์ โดยเห็นไปว่าเป็นคดีแพ่ง ควรให้โอกาสโจทก์สืบให้สมฟ้องเพราะอาจเป็นความผิดทางอาญาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่า สมคบกันลักตัดต้นสะแกและต้นแสมในที่ดินของโจทก์ที่ได้จับจองและครอบครองเป็นเจ้าของไปจำเลยทั้ง 2 ปฏิเสธต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ผู้เดียวตัดในที่ของจำเลย จำเลยส่งสำเนาแผนที่วิวาท ซึ่งเจ้าพนักงานหอทะเบียนรับรองว่าถูกต้องต่อศาล ซึ่งได้ความตามที่โจทก์รับว่า โจทก์จำเลยเคยนำรังวัดที่ดินพิพาทกันเรื่องเถียงสิทธิการครอบครองในชั้นเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอรับโฉนดแต่เจ้าพนักงานที่ดินยังหาได้ชี้ขาดให้ที่พิพาทควรเป็นของฝ่ายใดไม่
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาว่า เป็นคดีมีข้อพิพาทในทางแพ่งให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่เป็นเหตุพอจะให้ชี้ขาดว่าเป็นคดีแพ่ง เพราะรูปคดีอาจเป็นว่า แกล้งไปขอรังวัดทับที่ดินของผู้อื่นที่เขาทำมรรคผลไว้แล้ว เข้าไปทำลายมรรคผลของเขาเสียโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ของตน ก็อาจเป็นผิดทางอาญาได้ ควรฟังหลักฐานพยานโจทก์ก่อนว่า จะสืบสมฟ้องหรือไม่ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เพียงแต่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังหาพอที่จะฟังในเบื้องต้นว่า ฝ่ายใดเป็นเจ้าของที่ดินนั้นไม่ จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงที่โจทก์จักต้องนำสืบให้สมข้อกล่าวหา เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน