แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติกรรมของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ที่เข้าเป็นตัวการในการทำสัญญาขนส่งกับผู้ส่งด้วยตนเองในการจัดการขนส่งต่อเนื่องจากลานวางตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังจนถึงลานวางตู้สินค้าท่าเรือซานเตา ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น เข้าลักษณะเป็นผู้ขนส่งตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 3 ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ขนส่ง” หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบการรับขนของทางทะเล เพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติโดยทำสัญญารับขนของทางทะเลกับผู้ส่งของแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่ามีการขนส่งหลายช่วง และจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ได้เป็นผู้ขนส่งช่วงสุดท้าย แต่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ในฐานะผู้ขนส่งก็ต้องรับผิดเพื่อการกระทำของผู้ขนส่งอื่น ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 43 หากผู้ขนส่งอื่นประพฤติผิดสัญญาขนส่ง เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ขนส่งอื่นมอบสินค้าที่ขนส่งให้แก่จำเลยที่ 1 โดยไม่ได้เวนคืนใบตราส่งอันเป็นการประพฤติผิดบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 3 และ 28 เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้รับชำระราคาสินค้าที่ขนส่ง จำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นในเที่ยวที่ตนรับขนส่งแก่โจทก์นับแต่วันผิดสัญญาเป็นต้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้คำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๓,๘๑๔,๐๑๓.๖๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๒๓,๓๒๕,๑๔๔.๑๕ บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ ๓ ร่วมชำระเงินจำนวน ๑๓,๗๖๒,๘๐๘.๐๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๑๓,๔๘๐,๒๗๖.๒๕ บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยที่ ๔ ร่วมชำระเงินจำนวน ๑๐,๐๕๑,๒๐๕.๕๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๙,๘๔๔,๘๖๗.๙๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ศาลสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ออกเสียจากสารบบความ
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ ประกอบกิจการเป็นตัวแทนเรือของบริษัทแปซิฟิก บริดจ์ เซอร์วิสเซส จำกัด เรียกชื่อย่อว่า บริษัทพีบีเอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขนส่งทางทะเล มีสำนักงานอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นผู้ขนส่งสินค้าตามคำฟ้อง ก่อนการขนส่งสินค้าเที่ยวที่เกิดเหตุคดีนี้ โจทก์ว่าจ้างบริษัทพีบีเอส จำกัด ให้ขนส่งสินค้าในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว ๑๐ เที่ยว ซึ่งจำเลยที่ ๓ ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของบริษัทพีบีเอส จำกัด ในการประสานงานกับโจทก์สำหรับกิจการที่ต้องทำในประเทศไทย การขนส่งสินค้าทั้งสิบเที่ยวดังกล่าว บริษัทพีบีเอส จำกัด ปล่อยสินค้าให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยไม่มีการเวนคืนใบตราส่งและเอกสารการขนส่งซึ่งเป็นแนวการปฏิบัติของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง บริษัทพีบีเอส จำกัด และจำเลยที่ ๓ จึงมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ความเสียหายของโจทก์เป็นเงินจำนวนไม่ถึง ๑๓,๗๖๒,๘๐๘.๐๗ บาท เพราะจำเลยที่ ๒ เคยติดต่อขอชำระเงินค่าสินค้าแก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับเพื่อใช้สิทธิฟ้องจำเลยที่ ๓ ซึ่งมีภูมิลำเนาในประเทศไทย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ว่าจ้างจำเลยที่ ๔ ทำการขนส่งสินค้าตามคำฟ้อง หากแต่เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๐ จำเลยที่ ๔ ได้รับการติดต่อจากบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด ให้ทำการส่งสินค้าตามคำฟ้องจากท่าเรือแหลมฉบังไปให้แก่จำเลยที่ ๒ ที่ท่าเรือฮ่องกง จำเลยที่ ๔ มีหน้าที่เพียงจองระวางเรือเพื่อการขนส่งระหว่างท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือฮ่องกงและออกใบตราส่งให้โจทก์เป็นหลักฐานระบุการขนส่งจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือซานเตา โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับตราส่ง มีหน้าที่ต้องจัดส่งสินค้าต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ณ เมืองซานเตา ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน การออกใบปล่อยสินค้าเพื่อให้ผู้รับตราส่งไปรับสินค้าจากเจ้าหน้าที่ของการท่าเรือซานเตาไม่อยู่ในอำนาจและความรับผิดของจำเลยที่ ๔ ก่อนการขนส่งสินค้าเที่ยวที่เกิดเหตุคดีนี้ โจทก์ว่าจ้างบริษัทพีบีเอส จำกัด ให้ขนส่งสินค้าในลักษณะและวิธีเดียวกันให้แก่จำเลยที่ ๒ มาแล้ว ๑๐ เที่ยว ซึ่งมีการปล่อยสินค้าโดยไม่มีใบตราส่ง ปกติทางการค้าของโจทก์กับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๒ รับสินค้าไปก่อนแล้วชำระเงินภายหลังจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๔ จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์มิได้รับความเสียหายเป็นเงินถึงจำนวน ๑๐,๐๕๑,๒๐๕.๕๔ บาท เพราะจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เคยติดต่อชำระเงินค่าสินค้าแก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับเพื่อจะใช้สิทธิฟ้องจำเลยที่ ๔ ซึ่งมีภูมิลำเนาในประเทศไทย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๓ ชำระเงินจำนวน ๑๐,๑๘๙,๔๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๙,๙๘๐,๒๗๖ บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๐) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ ๓ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ในทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๔ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๔ ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นที่ยุติในเบื้องต้นตามที่โจทก์กับจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ไม่โต้แย้งกันว่า เมื่อวันเวลาตามคำฟ้อง โจทก์ทำสัญญาขายแผ่นฟิล์มหุ้มบรรจุภัณฑ์หลายชนิดให้แก่จำเลยที่ ๑ และโจทก์ว่าจ้างผู้ขนส่งให้ส่งสินค้าดังกล่าวไปให้จำเลยที่ ๑ โดยการขนส่งทางทะเลด้วยเรือหมิง-แชมเปี้ยน เรือกัวฉิน และเรือกังเจน เมื่อส่งสินค้าไปถึงปลายทาง มีผู้รับสินค้าไปโดยไม่มีการเวนคืนใบตราส่งให้แก่ผู้ขนส่ง ทำให้โจทก์ไม่ได้รับชำระค่าสินค้า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยที่ ๓ ว่า จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นผู้ขนส่งสินค้าดังกล่าวทางทะเลหรือไม่ โจทก์มีนายวัลลภ คุญานุกรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์เป็นพยานเบิกความประกอบใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ จ.๑๒ และ จ.๑๖ และใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๐ และ จ.๒๑ ว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ให้เป็นผู้ขนส่งสินค้าตามคำฟ้องทางทะเลจากท่าเรือแหลมฉบังเพื่อนำไปส่งมอบให้แก่จำเลยที่ ๑ ที่เมืองซานเตา ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๔ เที่ยว โดยจำเลยที่ ๓ ขนส่งสินค้ามูลค่าจำนวน ๑๓,๔๘๐,๒๗๖.๒๕ บาท เป็นจำนวน ๓ เที่ยว และจำเลยที่ ๔ ขนส่งสินค้ามูลค่าจำนวน ๙,๘๔๔,๘๖๗.๙๐ บาท เป็นจำนวน ๑ เที่ยว เมื่อโจทก์ชำระค่าระวางบรรทุก จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ก็ออกใบตราส่งและใบเสร็จรับเงินให้ ตามใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ จ.๑๒ และ จ.๑๖ และใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๐ และ จ.๒๑ ส่วนจำเลยที่ ๓ มีนายสมบูรณ์ วลีอิทธิกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ ๓ และจำเลยที่ ๔ มีนายมนูญ เฟืองการกล กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ ๔ เป็นพยานเบิกความในทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ไม่ได้เป็นผู้ขนส่ง โดยจำเลยที่ ๓ เป็นตัวแทนของบริษัทพีบีเอส จำกัด ซึ่งอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และได้รับมอบหมายจากบริษัทพีบีเอส จำกัด ให้เป็นตัวแทนในการดูแลการขนส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยังเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและต่อจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงไปยังประเทศสาธารณประชาชนจีน โดยทำหน้าที่ติดต่อกับโจทก์เพื่อจัดเตรียมตู้สินค้าให้โจทก์ใช้บรรจุสินค้าและกำหนดเวลาในการส่งสินค้าให้แก่โจทก์ รวมทั้งออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ และ จ.๑๒ เก็บค่าระวาง และออกใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๑ ส่วนจำเลยที่ ๔ ได้รับมอบหมายจากบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด ซึ่งอยู่ที่ไต้หวันให้ดำเนินการต่าง ๆ ตามสำเนาโทรสารเอกสารหมาย ล.๑๐ โดยให้ติดต่อกับโจทก์ จองระวางเรือ และจัดส่งสินค้าไปให้แก่จำเลยที่ ๒ รวมถึงออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๑๖ เก็บค่าระวาง และออกใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๑ เห็นว่า นายสมบูรณ์และนายมนูญต่างเบิกความยอมรับว่า จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ต่างเป็นผู้ออกใบตราส่งให้แก่โจทก์โดยจำเลยที่ ๓ ออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ และ จ.๑๒ เพื่อการบรรทุกสินค้ารวม ๓ เที่ยว ส่วนจำเลยที่ ๔ ออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๑๖ เพื่อการบรรทุกสินค้า ๑ เที่ยว และต่างเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๐ และ จ.๒๑ เมื่อพิเคราะห์ถึงข้อความต่าง ๆ ในใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ และ จ.๑๒ ซึ่งเป็นหลักฐานแห่งสัญญาขนส่งระหว่างโจทก์ผู้ส่งกับผู้ขนส่งที่โจทก์เข้าทำสัญญาด้วยแล้วจะเห็นได้โดยชัดแจ้งว่าเป็นใบตราส่งที่ออกในนามจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ อย่างแท้จริง และไม่มีข้อความใด ๆ ในเอกสารที่แสดงว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ออกใบตราส่งแทนผู้ใด สำหรับใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๑๖ ก็ระบุชัดว่าเป็นการออกในฐานะผู้ขนส่ง นอกจากนี้ใบตราส่งทั้งหมดดังกล่าวเป็นใบตราส่งสำหรับการขนส่งต่อเนื่อง (combined transport) ซึ่งผู้ขนส่งตามใบตราส่งดังกล่าวตกลงรับจัดการขนส่งนับแต่เวลาที่ได้รับสินค้าไว้ที่ลานวางตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังจนถึงเวลาที่ได้ส่งมอบสินค้าที่ลานวางตู้สินค้าท่าเรือซานเตา ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่ใช่เพียงตกลงรับจัดการขนส่งเฉพาะในช่วงจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือฮ่องกง ตามใบตราส่งเอกสารหมาย ล.๑๐ แผ่นที่ ๒๗ , ๓๙ , ๔๓ และใบตราส่งเอกสารหมาย ล.๔ ซึ่งเป็นหลักฐานแห่งสัญญาขนส่งที่จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ทำกับสายการเดินเรือเพื่อให้ทำการขนส่งสินค้าตามคำฟ้องจากท่าเรือแหลมฉบังไปจนถึงท่าเรือฮ่องกงก็เจือสมกับใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ จ.๑๒ และ จ.๑๖ เพราะปรากฏตามใบตราส่งดังกล่าวว่าเพื่อให้การดำเนินการตามใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ จ.๑๒ และ จ.๑๖ ลุล่วงไป จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้ทำสัญญากับสายการเดินเรือให้ทำการขนส่งเฉพาะในช่วงท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือฮ่องกงในนามของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เอง โดยระบุชื่อจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นผู้ส่ง ไม่ได้ระบุว่าเป็นการทำสัญญาแทนบริษัทพีบีเอส จำกัด หรือบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด หรือแทนโจทก์ ทั้งตามใบตราส่งเอกสารหมาย ล.๑๐ แผ่นที่ ๒๗ , ๓๙ , ๔๓ ยังระบุชื่อบริษัทพีบีเอส จำกัด เป็นผู้รับตราส่ง ซึ่งสอดคล้องกันกับข้อความที่มุมล่างด้านซ้ายของใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ และจ.๑๒ ที่ระบุว่าบริษัทพีบีเอส จำกัด เป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่งตามใบตราส่งดังกล่าว กับตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๐ และ จ.๒๑ ก็เป็นหลักฐานที่แสดงอยู่ว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินค่าระวางเอง โดยไม่ได้ระบุว่าออกไว้แทนผู้ใด ค่าระวางดังกล่าวเป็นค่าระวางตลอดเส้นทางจากลานวางตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังไปจนถึงลานวางตู้สินค้าท่าเรือซานเตา ไม่ใช่เป็นเพียงค่าระวางจากท่าเรือแหลมฉบังไปถึงท่าเรือฮ่องกง การที่จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ อ้างว่าการดำเนินการทั้งหมดจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้รับเพียงเงินค่านายหน้าหรือค่าตอบแทนจากบริษัทพีบีเอส จำกัด และบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด นั้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับรู้ด้วย จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ กับบริษัทดังกล่าวจะมีข้อตกลงกันเองอย่างไร จะแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างไร ในลักษณะใดเป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ กับบริษัทนั้นเอง ไม่เกี่ยวกับความผูกพันของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ที่ทำไว้กับโจทก์ ซึ่งในเรื่องนี้นายมนูญเองก็เบิกความในทำนองว่า จำเลยที่ ๔และบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด ประกอบธุรกิจร่วมกันโดยเป็นตัวแทนของกันและกัน มีบางกรณีที่บริษัทดังกล่าวดำเนินการตามคำสั่งของจำเลยที่ ๔ ทั้งตามสำเนาโทรสารของบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด ที่มีถึงจำเลยที่ ๔ ตามเอกสารหมาย ล.๑ ก็ปรากฏว่าเงินค่าระวางที่จำเลยที่ ๔ เก็บมาจากโจทก์ บริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด จะเรียกเก็บจากจำเลยที่ ๔ จำนวน ๓๕ ดอลลาร์สหรัฐ ต่อตู้สินค้า เพื่อให้แก่บริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด และตัวแทนที่เมืองซานเตาเป็นค่าส่วนแบ่งกำไร ไม่ใช่เป็นเพียงค่านายหน้าหรือค่าตอบแทนการเป็นตัวแทน นอกจากนั้นนายสมบูรณ์และนายมนูญต่างเบิกความรับว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ประกอบธุรกิจคล้ายกัน โดยเฉพาะนายมนูญเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ต่างเป็นผู้ประกอบกิจการขนส่งทางทะเล พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ตามที่ปรากฏจากพยานหลักฐานดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เข้าดำเนินการติดต่อและตกลงกับโจทก์ในฐานะเป็นตัวการในการจัดการขนส่งต่อเนื่องจากลานวางตู้สินค้าท่าเรือแหลมฉบังจนถึงลานวางตู้สินค้าท่าเรือซานเตา ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบริษัทพีบีเอส จำกัด และบริษัทแวกอนชิปปิ้ง เอเยนซี่ จำกัด ร่วมในการจัดการขนส่งหรือเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ในการดำเนินการขนส่งสินค้าบางช่วง พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๓ จึงเข้าลักษณะเป็นผู้ขนส่ง ตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓ ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ขนส่ง” หมายความว่า “บุคคลซึ่งประกอบการรับขนของทางทะเลเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติโดยทำสัญญารับขนของทางทะเลกับผู้ส่งของ” แม้จำเลยที่ ๔ จะมีนายอุทัย แซ่เกา นางสุณี เอกธีรจิตต์ และนายปกรณ์ กังวาลสิงหนาท เป็นพยานเบิกความประกอบสำเนาโทรสาร ๒ ฉบับเอกสารหมาย ล.๑๒ และ ล.๑๖ ว่าโจทก์น่าจะทราบจากการแจ้งของจำเลยที่ ๑ ว่าจำเลยที่ ๔ เป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่งนั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ซื้อสินค้า ไม่ได้มีอาชีพประกอบกิจการขนส่งทางทะเล และจำเลยที่ ๔ ไม่มีเรือเดินทะเลเป็นของตนเอง จึงอาจทำให้จำเลยที่ ๑ เข้าใจผิดว่าจำเลยที่ ๔ เป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่ง แต่จากพฤติกรรมของจำเลยที่ ๔ ที่ติดต่อกับโจทก์ดังกล่าวข้างต้นแสดงชัดว่าจำเลยที่ ๔ เป็นผู้ประกอบการขนส่งที่เข้าเป็นตัวการในการทำสัญญาขนส่งกับผู้ส่งด้วยตนเอง หาใช่ตัวแทนผู้ขนส่งดังที่จำเลยที่ ๑ เข้าใจไม่ พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นผู้ขนส่งสินค้าตามคำฟ้องทางทะเล อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อใบตราส่งเอกสารหมาย จ.๔ จ.๘ จ.๑๒ และ จ.๑๖ ซึ่งเป็นหลักฐานแห่งสัญญาขนส่งทางทะเลระบุว่าเป็นการขนส่งสินค้าดังกล่าวจากประเทศไทยไปประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่ามีการขนส่งหลายช่วง และจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ไม่ได้เป็นผู้ขนส่งช่วงสุดท้าย แต่จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ในฐานะผู้ขนส่งก็ต้องรับผิดเพื่อการกระทำของผู้ขนส่งอื่น ตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔๓ หากผู้ขนส่งอื่นประพฤติผิดสัญญาขนส่ง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ขนส่งอื่นมอบสินค้าที่ขนส่งให้แก่จำเลยที่ ๑ โดยไม่ได้เวนคืนใบตราส่งอันเป็นการประพฤติผิดบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓ และ ๒๘ เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้รับชำระราคาสินค้าที่ขนส่ง ถือได้ว่าเป็นการผิดสัญญาขนส่งต่อโจทก์ จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ จึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นในเที่ยวที่ตนรับขนส่งโดยต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แก่โจทก์นับแต่วันผิดสัญญา ส่วนที่จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ว่า ผู้ขนส่งอื่นเคยส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๑ โดยไม่เวนคืนใบตราส่งก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ก็ไม่อาจถือว่าผู้ขนส่งอื่นมิได้ประพฤติผิดบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวในการขนส่งครั้งที่เกิดเหตุเป็นคดีนี้ได้ อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ขึ้นทุกข้อ
อนึ่ง สำหรับเงินประกันความเสียหายจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ที่จำเลยที่ ๑ วางประกันการทำสัญญาซื้อขายสินค้าตามคำฟ้องกับโจทก์ และจำเลยที่ ๔ ขอให้นำมาหักจากค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๔ ต้องใช้ให้แก่โจทก์ตามที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้นำมาหักจากค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๔ ไม่มีสิทธิในเงินประกันความเสียหายดังกล่าว จึงจะขอให้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาหักออกจากค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๔ จะต้องใช้แก่โจทก์หาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๔ ชำระเงินจำนวน ๑๐,๐๕๑,๒๐๕.๕๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงินจำนวน ๙,๘๔๔,๘๖๗.๙๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ ๔ ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองศาลโดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๓ ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.
นายนวรัตน์ กลิ่นรัตน์ ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายไมตรี ศรีอรุณ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ